2561-04-17

อร่อยแบบฮิปๆ ที่ Mong Kok ยืนกินข้างทาง แพงกว่านั่งร้านห้องแอร์ชมวิว (ฮ่องกง ตอน17)

(ฮ่องกง ตอน14) (ฮ่องกง ตอน15) (ฮ่องกง ตอน16) (ฮ่องกง ตอน18) (ฮ่องกง ตอน19) (ฮ่องกง ตอน20)

เล่นน้ำทะเลจนเริ่มหิว หิ้วท้องกลับมาหาที่กินบ้าง อ่านรีวิวตลาดเลดี้มาร์เก็ตแห่งย่านม่งก๊ก เห็นเค้าว่านอกจากจะเป็นแหล่งช็อปปิ้งที่โด่งดังแล้ว ยังขึ้นชื่อว่าเป็นแหล่งอาหารแนว Street Food อีกด้วย ขากลับจาก Shek O เลยนั่ง MTR เลยป้ายไปอีกหน่อย ไปลงที่ Mong Kok เค้าว่าอาหาร ข้างทางย่านม่งก๊ก อร่อยขึ้นชื่อ ซึ่งเมื่อไม่กี่ปีก่อนพ่อค้าแม่ขายแผงลอยย่านม่งก๊กได้ประท้วงก่อการจลาจล ไม่พอใจที่ตำรวจห้ามแผงลอยเถื่อนขายของในช่วงวันหยุดตรุษจีน พาดหัวข่าวใหญ่ที่เห็นไปทั่วโลกคือ “การปฏิวัติลูกชิ้นปลา” Fish ball revolution ตอกย้ำทำให้โลกประจักษ์ว่าย่านนี้คือตลาดลูกชิ้นปลาที่ชาวโลกรู้จักกันดี

กินเนสส์บุ๊กระบุว่า มงก๊กเป็นย่านที่มีความหนาแน่นของประชากรมากที่สุดในโลก มีประชากรอาศัยอยู่ 130,000 คนต่อตารางกิโลเมตร  มีถนนหลัก ขนานกับถนน Natan หลายเส้น ที่โด่งดังก็เห็นจะเป็น Sai Yeung Choi และ Tung Choi  หลักๆ ก็ขายของกิน ของกินเล่น ของเล่น เสื้อผ้า เครื่องใช้ไฟฟ้า ที่เจอเยอะๆ ก็ร้านรองเท้า เยอะมาก ส่วน Lady market ก็เน้นขายข้าวของเครื่องใช้ทั่วไป ของประดับของฝาก ออกแนวสินค้าไอเดีย ออกแบบมาให้ตื่นเต้นแปลกตา คล้ายไนท์บาร์ซาร์ หรือถนนคนเดินเชียงใหม่ อย่างแนวอาร์ตๆ ที่สะดุดตาก็จะเป็นพวก Paper Craft ตัดกระดาษเป็นรูปร่างรูปทรงต่างๆ แต่ราคาก็แปรผันตามความสวยงามเช่นกัน เพราะมันคืองานฝีมือ



สนนราคาสินค้าย่านม่งก๊กก็เหมือนตลาดขายของฝากของที่ระลึกทั่วไป ถามราคา ต่อราคาได้ แต่อย่าเพิ่งรีบซื้อร้านแรก เพราะเดินไปเรื่อยๆ ก็เจอของเจอสินค้าแบบเดิมๆ ซ้ำๆ กันไป ส่วนราคาก็เป็นเรื่องสมมติ แล้วแต่ความพอใจของผู้ซื้อและผู้ขาย ไม่มีกำหนดราคาแน่นอน ทุกอย่างเป็นเรื่องสมมติ เดินเที่ยวไปเรื่อยๆ ระหว่างจุดเชื่อมออกซอยเล็กๆ ไปซอยใหญ่ๆ ฟุตบาทข้างทางมักมีร้านเล่นเกมส์แปลกๆ เหมือนเกมส์ฝึกทักษะ ให้เสี่ยงดวงเหมือนงานวัดบ้านเรา แต่เกมส์ก็เปลี่ยนไป ดูไม่ค่อยเข้าใจ กลางถนนมีผู้คนร้องรำทำเพลง แสดงดนตรี ทั้งวัยรุ่น หนุ่มสาวและคนชรา เปิดหมวกบ้าง โชว์แสดงสดบ้าง สร้างสีสันสนุกสนานคึกคักทีเดียว

เดินไปมาจนหิว มองหาของกินเล่นจนมาเจออยู่ร้านนึง คนมุงอยู่เต็ม ในแผงร้านมีลูกชิ้น หนวดปลาหมึก ไส้กรอก เบคอน ฯลฯ ที่เด่นๆ ก็เห็นจะมีหม้อตุ๋นเครื่องในหม้อใหญ่ๆ พิจารณาแล้วน่าจะเป็น ตุ๋นเครื่องในสัตว์อะไรสักอย่าง เดาว่าน่าจะเป็นเครื่องในวัว สะดุดตาตรงผ้าขี้ริ้วหรือเรียกให้เพราะๆ ว่าสไบนาง แผ่นโตเท่าบ้านเท่าเมือง แอบส่องดูมีคุณลุงชาวฮ่องกงคนนึง สั่งมาทาน เห็นแกทานแล้วรู้สึกฟินน์มาก ลุงแกค่อยๆ บรรจงใช้ตะเกียบคีบมาทีละชิ้น ละเลียดเข้าปาก หลับตาพริ้มบรรจงเคี้ยวอย่างตั้งอกตั้งใจ โดยไม่สนใจผู้คนรอบข้างที่เดินผ่านไปมาบนถนนย่านที่ผู้คนหนาแน่นที่สุดในโลก

ตัดสินใจซื้อกินตามลุง 1 ถ้วย ตามด้วย หนวดปลาหมึก ไส้กรอก เบคอน ลูกชิ้น อย่างละ 1 – 2 ไม้ กะกินเล่นๆ ต้มเครื่องในอร่อยใช้ได้ เนื้อนุ่มนิ่ม กรุบกรอบแต่ไม่เละ ไม่คาว น้ำซุปหอมหวาน ทานไปก็ทำหน้าฟินน์ตามคุณลุงไป พวกเสียบไม้อย่างลูกชิ้นปลาทอด หนวดปลาหมึก ก็อร่อยเนื้อเด้งๆ น้ำจิ้มอุ่นมาร้อนๆ แต่ไม่เผ็ด ออกหวานๆ รสชาติสุดยอดสมคำร่ำลือ แต่ทว่าแม่ค้าคิดราคามาทั้งหมด 190 HKD คิดเป็นเงินไทยขณะนั้น ก็เกือบพันบาท แล้วก็ต้องยืนกินข้างทาง เกาะรั้วเหล็กกั้นถนนเป็นหลัก เมื่อยก็ไม่มีเก้าอี้นั่ง ช่วยๆ กันถือไม้เสียบถือถุงใส่ แลดูพะรุงพะรัง จะนั่งละเลียดบนฟุตบาท ก็กลัวจะโดนผู้คนเหยียบเอา

อิ่มอร่อยแบบทุลักทุเล น้ำเปล่าก็ต้องหาซื้อกินเอา แถมสักพักเด็กน้อยปวดเข้าห้องน้ำอีก เดินออกหาตามตึกแถวร้านรวงต่างๆ จนมาเจอตึกแถวชุดนึง ชั้นล่างขายเสื้อผ้ารองเท้า ซอกข้างๆ มีบันไดให้ขึ้นไป ข้างบนเป็นร้านอาหารห้องกระจกเปิดแอร์ ระหว่างแสร้งทำเดินพิจารณาเมนูหน้าร้าน เพื่อให้เด็กๆ ได้ชิ่งไปเข้าห้องน้ำในร้าน เราก็พบว่า อาหารทั่วไป บะหมี่หรือสปาเก็ตตี้ จานละ 33 HKD มีเก้าอี้นั่ง มีหน้าต่างชมวิวถนนคนเดินข้างล่าง มีแอร์ มีห้องน้ำ สั่งมา 4 จานโตๆ กินจนเหลือก็แค่ 132 HKD ถูกกว่ายืนกินต้มเครื่องในใส่ถ้วยกระดาษ ฟาดลูกชิ้นเสียบไม้ข้างทาง ในราคา 190 HKD .. ราคาเป็นเรื่องสมมติ จริงๆ

ไม่มีความคิดเห็น: