2562-10-08

เที่ยววัด Linh Phong Tu จุดสูงสุดบานาฮิลล์ นั่งกระเช้าตัวปลิวไปสะพานมือ (เวียดนาม 6)

(เวียดนาม 3) (เวียดนาม 4) (เวียดนาม 5) (เวียดนาม 7) (เวียดนาม 8) (เวียดนาม 9)
ฟ้าสางที่บานาฮิลล์ ผู้คนชาว French Village ตื่นแต่เช้าอาบน้ำแต่งตัว ออกมาหามุมสวยๆ ถ่ายภาพกันแต่เช้ามืด ประหนึ่งพระทำวัตรเช้าเสร็จก็ออกเดินบิณฑบาต ครอบครัวเราแหกขี้ตาก็ออกจาริกหามุมถ่ายภาพสวยๆ ไม่ต่างกับญาติโยมสาธุชนทั้งหลาย สำหรับเป้าหมายแรกในวันนี้ บานาฮิลล์ไม่ได้มีดีแค่โบสถ์ทรงยุโรปให้ดู แต่ยังมีวัดจีน Linh Phong Tu อันเป็นจุดสูงสุดบนบานาฮิลล์ ให้ชมวิวจากจุดสูงสุด เหมือนปีนอยู่บนหลังคา มองมาเห็นสวนสนุกและโรงแรมได้ทั่วบริเวณ ภาพถ่ายโฆษณาจากมุมสูงทั้งหลาย ถ้าไม่ได้ใช้โดรนถ่าย ก็ตะกายกันขึ้นมาถ่ายกันบนวัด Linh Phong Tu นี้เอง

อากาศยามเช้าสดชื่นเย็นสบาย เดินวนหาวัดไปถ่ายรูปไปชิวๆ บ้างออกแนวรักสุขภาพก็เตรียมชุดวิ่งมา วิ่งรอบดอยให้มีเหงื่อไคลหน่อย ภาพก็จะสวยหอมไปอีกแบบ วัด Linh Phong Tu ตั้งอยู่ถัดไปจากห้องโยคะ ASANA อยู่ใกล้กับสวนน้อยๆ Le Petit Jardin BIO แม้จะไม่มีพระสงฆ์จำวัดอยู่ แต่ระหว่างทางเดินขึ้นไปวัดก็จะมีเสียงสวดมนต์มาจากลำโพงที่ซ่อนอยู่ กล่อมเกลาจิตใจให้มีแรงลากสังขาร คืบคลานไปตามขั้นบันใด แถมกลางทางผ่านร้านน้ำชา Tru Vu Tea Shop ส่งกลิ่นหอมยั่วยวน สร้างบรรยากาศเดินจาริกแสวงบุญในแบบ 5D ได้อย่างยอดเยี่ยม

จุดชมวิวสูงสุด ที่มนุษย์สามารถปีนป่ายขึ้นไปได้บนวัด Linh Phong Tu คือ Belfry Bronze Bell หอระฆังที่อาคารสร้างด้วยไม้ มีบันไดวนให้เดินขึ้นไปถ่ายภาพมุมสูงของดอยบานาทั้งหมดได้ เมื่อมองออกไปจะเห็นสถูปเจดีย์ Linh Phong อยู่ไม่ไกล สถูปเจดีย์ Linh Phong เป็นสิ่งปลูกสร้างที่สูงสุดในวัด มีอยู่ด้วยกัน 9 ชั้น แต่ละชั้นมีหินอ่อนสีขาวแกะสลัก เป็นรูปพระศากยมุนี แผ่เมตตาแลปกปักรักษา มนุษย์โลกทั้ง 4 ทิศ ตรงมุมของแต่ละชั้นจะมีระฆังทองสัมฤทธิ์ แขวนตามมุมทั้ง 4 มุม เป็นการแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ของเสียงสะท้อนกุศลธรรมอันศักดิ์สิทธิ์

ถ่ายภาพมุมสูงจนแสงทองเริ่มส่องจากฟ้า เวลาเริ่มใกล้ 7 โมงเช้า ได้เวลามุ่งสู่เป้าหมายหลักของผู้คนส่วนมากที่ปักหลักนอนที่นี่ คือการไปรอนั่งกระเช้า จากสถานี Louvre Station ไปยัง Golden Bridge หรือเรียกกันติดปากว่า สะพานมือ ซึ่งจะเปิดให้บริการในเวลา 7.15 แม้จะใช้เวลาบนกระเช้าเพียง 2 นาทีก็ถึงจุดหมาย แต่ทุกคนก็คล้ายจะแย่งกันไปให้ไว หากสายไปเพียงนิด สะพานสีทองในอุ้งมือยักษ์ ยาว 150 เมตรนี้ จะคลาคล่ำไปด้วยผู้คนจากทั่วสารทิศ เพราะหลังจากกระเช้าเริ่มหมุนไม่นาน ทั้งกรุ๊ปทัวร์ และนักท่องเที่ยวที่นั่งกระเช้ามาจากลานจอดรถข้างล่าง ก็จะทยอยเดินทางมาถึง


ดังนั้นนักถ่ายภาพเช็คอินมืออาชีพ มักจะรีบหาจังหวะตั้งแต่กระเช้าเริ่มเปิดให้บริการ รีบวิ่งมาชิงถ่ายภาพสะพานมือที่ไร้ผู้คนก่อน นัยว่าใครถ่ายภาพกับสะพานทองคำในอุ้งมือยักษ์ได้โดยฉากหลังไม่มีคนอื่นติดมาด้วย เป็นผู้ชนะ แม้ขณะที่ไปถึง ผู้คนยังไม่มากเท่าไร กำลังตั้งท่าถ่ายรูปตรงหัวสะพานกันอย่างดี ก็เจอทีมงาน Pre Wedding ตะโกนโหวกเหวกให้หลบหน่อย จะถ่ายรูปคู่บ่าวสาวพลอดรักกันอยู่เหนือระดับน้ำทะเล 1400 เมตร  ก็เดินหลบให้พอเป็นพิธี ไม่รู้จะช่วยได้ไหม เพราะเดินหลบไปไม่กี่นาที หันมามองอีกที คู่หนุ่มสาวก็กลืนหายไปกับคลื่นมหาชนที่ทยอยล้นมาจากหัวสะพาน

Golden Bridge สะพานทองคำสดใส ในอุ้งมือคอนกรีตขนาดใหญ่ที่ยื่นมาออกมาจากภูเขา ใช้เทคนิคตกแต่งให้ดูเป็นอุ้งมือสไตล์ Vintage ปูนสีเทาขุ่น ตะไคร่ขึ้นเขียวครึ้มเป็นหย่อมๆ Contrast กับสะพานสีทองสดใส เป็นที่ถูกอกถูกใจบรรดานักเที่ยวแนว Hipster ทั้งหลาย ชวนกันมาใช้ชีวิต Slow Life แต่งกายเก๋าๆ เครื่องประดับเกร๋ๆ ถ่ายภาพชิคๆ Update ผ่าน Social Media คลอเคลียธรรมชาติชิลล์ๆ แย่งมุมฮิปสเตอร์เวียดนามได้สักพัก แดดก็เริ่มร้อน คนก็เริ่มล้น รีบนั่งกระเช้ากลับไป ยังเหลือด่านเล่น Alpine Coaster รถไฟเหาะอีกขบวนที่ยังไม่ได้เล่นเมื่อวาน เด็กๆ ชวนรีบไปก่อนคิวจะยาว

(เวียดนาม 3) (เวียดนาม 4) (เวียดนาม 5) (เวียดนาม 7) (เวียดนาม 8) (เวียดนาม 9)

ไม่มีความคิดเห็น: