2564-01-21

Short Against Port หุ้นไม่ได้มีไว้กอด ตอดนิดตอดหน่อย ก็เป็นกำไร (ซาบีนา 4)

(ซาบีนา 1) (ซาบีนา 2) (ซาบีนา 3)

วิถีแมงเม่า ตื่นเช้าเปิด Investing มาดู DJI กับ WTI ต่อด้วยเช็คข่าวห้องไลน์ ห้องเฟส ตลาดเริ่มเทรดก็เฝ้าหน้าจอ กว่าจะกินข้าวต้องรอปิดเที่ยงครึ่ง  บ่าย 2 กว่ามารอลุ้นต่อ หลังปิด 4 โมงครึ่ง ยังรอดูว่าใครซื้อใครขาย ตกเย็นดูยุโรป เฝ้า Futures เมียเผลอแอบดู Dow Jones ก่อนนอนทุกวัน หลับไปแล้วยังเก็บไปฝัน พรุ่งนี้ฉันจะซื้อราคานั้น ฉันจะขายราคานี้ สะดุ้งตื่นมาเข้าห้องน้ำ ยังไม่ลืมคว้ามือถือไปนั่งดู Bloomberg ยิ่งช่วงไหนข่าวร้ายเยอะๆ ยิ่งเร้าใจ ถวิลหาจะฟังบ่อยๆ แล้วก็คอยจดๆ จ้องๆ อยู่นั่น กลางวันตลาดเปิดก็ไม่กล้าขาย ไม่กล้าซื้อ 


ถ้ารู้สึกว่ารู้เยอะแล้วสบายใจก็ทำต่อไป แต่ถ้าอยากเปลี่ยนสไตล์ ลองมาเทรดแบบคุณซาบีนาดูบ้างก็ได้นะ เริ่มจากเลือกหุ้นที่รักก่อน หุ้นอะไรก็ได้ ไม่จำเป็นต้องตามเจ้าแม่ BBL แต่เอามาไม่เกิน 3 ตัว เพื่อการดูแลที่ทั่วถึง โดยต้องเป็นหุ้นใหญ่ มีปริมาณหุ้นซื้อขายในแต่ละวันสูง Bid Offer แน่น เจ้ามือจะยกราคาขึ้นลงแต่ละช่องต้องใช้เงินมหาศาล ราคาหุ้นพวกนี้จะไม่หวือหวามาก ว่างก็ลองนั่งดูการซื้อขายในแต่ละวัน หรือดูกราฟย้อนหลังไปสัก 3 เดือน หาตัวที่มันลงอยู่ก็ดี อย่างน้อยก็ซื้อถูกกว่าที่คนอื่นซื้อไปเมื่อ 3 เดือนก่อน


เจอหุ้นถูกใจแล้วค่อยๆ ทยอยซื้อตามจำนวนที่ตั้งใจไว้ ไม่ต้องรีบ คุณซาบีนา เคยโพสต์ไว้ว่า ... “เมื่อคุณมาลงทุน  เงินลงทุนของคุณมีจำกัด  ถึงแม้คุณจะมีเงินเป็นสิบๆ ล้าน ก็เถอะ  คุณคงไม่เอาเงินทั้งหมดมาถมในตลาดหุ้น แต่ความจริงไม่เป็นเช่นนั้น นักเล่นหุ้นกว่า 80% นำเงินเกือบทั้งหมดมาจมอยู่ในตลาดหุ้น คุณอาจจะลงทุนแค่ใกล้ๆ แสนบาท หรือ 2-3 แสน หรือ 5 แสน หรือล้าน 2 ล้าน จะลงทุนเท่าไรก็ตาม คุณจะต้องมีเงินเหลือที่ไม่ได้เอามาใส่ในตลาดหุ้นอีกเป็นจำนวนมาก จำนวนมากนี้จะเท่าไร ก็สุดแล้วแต่คุณจะคิด” … 


เปรียบดังวลีที่คุณซาบีนาชอบเปรย “นาฬิกาตาย ยังบอกเวลาถูกต้องตั้งวันละสองครั้ง” ทุกอย่างมีค่าในตัวมันเสมอ ไม่มีดีทั้งหมด หรือเลวทั้งหมด หรือมีดีแค่วันละสองครั้ง รวมทั้งทุกสิ่งทุกอย่าง ย่อมไม่แน่นอนนวลเนียน มันจะหมุนเวียนเปลี่ยนไปเรื่อยๆ ดังนั้นอย่าเพิ่งรีบซื้อจนหมดหน้าตัก หุ้นที่รักยังเหลือรอให้ซื้ออีกมากมาย ... “สิ่งที่ต้องห้ามคือ อย่าทุมเงินทั้งหมดที่คุณมี มาใส่ในตลาดหุ้น นักเล่นหุ้นไม่ได้ทำเช่นนั้น กลับไปกู้โบรกเกอร์ มาเล่น margin เสียอีก OK เขาเก่ง เขามีความสามารถไม่ว่ากัน” … คุณซาบีนา กล่าวไว้ 


พอได้หุ้นมาจำนวนหนึ่งแล้ว ก็เริ่มเลย ... “ตอนแรกก็ซื้อได้  10000  หุ้น และเมื่อครบ  ก็ตั้งหน้าตั้งตาแบ่งขายประมาณ 50% แต่แบ่งขายนะ ทีละพันสองพัน ไม่เกิน 5000 หุ้น เมื่อขายแล้วราคา ลงมาบาทสองบาท ก็ซื้อคืน พอราคาขึ้นไป ก็ขายไปอีกพอตอนลงแล้วลงอีก ก็เอาเงินมาซื้อราคาที่ลงถูกใหม่” ... เจ้าแม่ BBL กล่าว หลายคนในห้องแชทก็วิพากษ์ว่า ไม่เห็นมีอะไรใหม่ ขึ้นขาย ลงซื้อ แค่กลับกันคือขายก่อนซื้อเท่านั้นเอง ที่แก่พรรษาหน่อยก็วิจารณ์ให้ดูดีมีความรู้ ว่าเทรดเยี่ยงนี้ฝรั่งเอิ้นว่า SAP หรือ Short Against Port ใครที่ไหนก็ทำกัน


SAP คือการขายหุ้นออกไปก่อน แล้วค่อยกลับมาซื้อคืนทีหลัง ส่วนมากใช้ลดต้นทุนในกรณีหุ้นขาลง หรือคิดว่ามันน่าจะลงแน่ แต่ยังไม่อยาก Cut Loss จะนั่งดูมันร่วงลงไปไม่ยอมขายก็ขาดทุนไปเรื่อยๆ ก็แบ่งมาขายสักส่วนหนึ่ง ถ้าลงต่อก็ซื้อคืน กลับมามีหุ้นเท่าเดิม เพิ่มเติมมีเงินเข้าบัญชี แต่ SAP ก็มีความเสี่ยงถ้ามันเด้งใส่หน้า ซื้อคืนไม่ได้ก็กลายเป็นขายขาดทุนไป บางคนเลยไม่นิยม SAP ขาลง เล่นขาขึ้นหุ้นได้กำไรแล้วค่อยแบ่งมาขาย ล็อคกำไรไว้ก่อน หุ้นขึ้นต่อก็ยังมีหุ้นอยู่พอร์ทให้ Let profit run วันหน้าหุ้นลงจะได้ไม่สมน้ำหน้าตัวเองว่าหุ้นขึ้นไม่รู้จักขาย

 

วิธีเทรดของคุณซาบีนา ก็ใช้หลักการคล้ายกันกับ SAP คือแบ่งมาขาย แล้วซื้อคืนให้ได้ โดยใช้ระยะห่างราคาซื้อขายเพียง 2 ช่อง เพื่อลดความเสี่ยงที่จะเด้งใส่หน้า ถ้าซื้อคืนในวันได้ก็เก็บกำไรไป ถ้าซื้อคืนไม่ได้ก็จดฝังหุ่นไว้ใน Excel ซื้อขายอย่างมีวินัยเก็บเงินเอาไว้ หุ้นขึ้นต้องมีหุ้นขาย หุ้นลงต้องมีเงินไว้ซื้อคืน ถ้าไม่เปลี่ยนตัวเล่น โอกาสที่หุ้นตัวเดิมจะกลับลงมาก็ยังมีเสมอ แล้วถ้าถามว่าซื้อขายบ่อยๆ เป็นอะไรไหม ก็ลองมาคิดว่าทำไมเจ้ามือใหญ่ หรือ Market Maker ทั้งหลาย เข้ามาซื้อขายอยู่ทุกวัน ก็ไม่ได้มาในรูปแบบของมูลนิธิ หรือซื้อขายหุ้นเพื่อการกุศล


เจ้ามือมีอยู่ทั่วโลก ทุกคนต่างเข้ามาเพื่อแสวงหาผลกำไรในฐานะผู้เล่นคนหนึ่ง ซึ่งมีทรัพยากรมหาศาล ทั้งหุ้น ทอง น้ำมัน สินทรัพย์ต่างๆ ถูกนำออกมาเล่น ซื้อขายกันอยู่ทุกวัน ทำกันมาหลายสิบปี บนพื้นฐานที่มีคือขึ้นขาย ลงซื้อ คุณซาบีนาก็ใช้หลักการเดียวกันนี้ เม่าไม่มีทุนมากมาย ไม่สามารถซื้อได้ทั้งตลาดเหมือนกองทุน ก็ลุ้นเอาแค่หุ้นตัวเดียว เอามาบริหารให้มีกำไร ในสัดส่วนของหุ้นและทุนที่มี พูดง่ายๆ ก็คือเอาหุ้นที่มีออกมาเล่น ขายให้แพง ซื้อให้ถูก รีดเงินสดออกมาจากหุ้น ลดต้นทุนไปจนกว่าจะได้หุ้นทั้งหมดมาฟรีๆ


เคยได้ยินนักวิเคราะห์ออกมาบอกเวลาหุ้นตกหนักๆ ไหมว่า เป็นเพราะนักลงทุนขายทำกำไร ก็เห็นหุ้นร่วงลงอยู่ทุกวัน แล้วเค้าเอาหุ้นตอนไหนมาขายถึงยังได้กำไรอยู่ หรือเค้าขายได้ทุกราคา ยังไงก็เป็นกำไร เพราะซื้อขายจนได้หุ้นมาฟรีทั้งพอร์ทแล้ว ที่ลากๆ ขึ้นมาก็เพื่อเอามารินขายที่ราคาสูงๆ ขายได้เป็นที่พอใจก็เหลือก้อนสุดท้ายเอาไว้เททิ้งลงมา เอาให้ปากสั่นมือชา ค่อยเก็บใหม่ ตบๆ ลากๆ เก็บกำไรไปเรื่อยๆ ทั้งหมดนี้ใช้เวลาเป็นแรมปี บีบบี้ให้เม่าถอดใจ ขายขาดทุนออกมา ทุนไม่หนาหมดใจก็ออกตลาดไปก็เท่านั้น แค่พอมีกลิ่นควันโชยมา เม่าตัวใหม่ก็จะเริ่มโบยบินเข้ากองไฟ เป็นวัฏจักรแห่งตลาดทุน หมุนเวียนระเริงไฟกันต่อไป

ไม่มีความคิดเห็น: