(ปักกิ่ง 1) (ปักกิ่ง 3) (ปักกิ่ง 4) (ปักกิ่ง 5)
กลางดึกในช่วงเทศกาลต้อนรับปีใหม่ 2562 นกเหล็กสีแดงพาเราบินลัดฟ้าจากเชียงใหม่ แหวกม่านความมืดยามค่ำคืน มุ่งตรงไปทางทิศเหนือสู่เมืองสันติภาพแห่งทิศอุดร “เป่ยผิง (Beiping)” เรียกยากหน่อย คนจีนเองยังเพี้ยนเสียงเป็น “เป่ยจิง (Beijing)” คนไทยเลยเพี้ยนบ้างเป็น “ปักกิ่ง” เรียกง่ายสบายลิ้นกว่าชื่ออื่น ใช้เวลาราว 5 ชั่วโมงก็มาถึงสนามบินปักกิ่ง ในเวลาประมาณ ตี 4 อุณหภูมิที่สนามบินขณะนั้น ติดลบ 13 องศา แม้จะอยู่ในตัวอาคารสนามบินไม่หนาวมาก แต่สิ่งแรกที่ผู้โดยสารส่วนมากจะต้องทำก่อนไปตรวจคนเข้าเมือง คือการหาที่แต่งตัว ให้เหมาะสมกับสภาพอากาศที่เย็นยะเยือกของที่นี่
อาคารผู้โดยสารไม่ค่อยหนาว แต่หากพบห้องน้ำก่อนจะออกไปตรวจคนเข้าเมือง ก็ควรจะปรับเปลี่ยนเพิ่มเติมเครื่องแต่งตัวกันหนาวใส่เลคกิงลองจอน ให้พร้อมเสียก่อน เพราะห้องน้ำแถวนี้จะสะอาดกว่าห้องน้ำข้างล่าง แต่อย่างน้อยก็พื้นไม่เปียก รอต่อคิวหน่อยเท่านั้นเอง พร้อมแล้วก็ไปสถานีต่อไป เครื่องสแกนลายนิ้วมือ ตรวจพาสปอร์ต ยืนยันตัวตน ผ่านด่านตรวจคนเข้าเมือง แล้วก็เดินไปรับกระเป๋า ระหว่างทางเห็นมีร้านแลกเงินอยู่ในสนามบินคิวว่างๆ อยู่ แม้จะมีเงินหยวนติดตัวมาน่าจะพอใช้ในระยะเวลา 4-5 วันที่อยู่ปักกิ่ง แต่ไหนๆ คิวก็ว่าง เลยถือโอกาสเอาเงินดอลลาร์ฮ่องกงแลกเป็นเงินหยวน กะได้กำไรเต็มที่ แต่ที่ไหนได้
จากที่เคยไปเซินเจิ้นและฮ่องกง เราจะพบว่ามีร้านรับแลกเงินมากมายอยู่ในย่านนักท่องเที่ยว ฮ่องกงนี้มีอยู่แทบจะทุกตึก ถ้าฉุกเฉินก็เอาบาทไทยแลก HKD ได้เลย ครั้งที่ผ่านมาที่ญี่ปุ่น เราพกดอลลาร์ฮ่องกง ไปเผื่อแลกเงินเยน แต่จุดแลกเงินที่สนามบินนาริตะ คิวยาวมากๆ เลยไม่ได้แลก คราวนี้ Exchange ที่สนามบินปักกิ่งว่างๆ เลยขอแลกหน่อย เรตราคาทำการบ้านมาล่วงหน้า 2460 HKD น่าจะได้สัก 2000 กว่าหยวน ปรากฏว่าแลกได้จริงๆ 1985 หยวน อ่านดูในรายละเอียด มีค่าธรรมเนียมหักไป 60 หยวน ถือเป็นค่าวิชา คราวหน้าอ่านป้ายให้ละเอียด ที่สำคัญอย่างก กลับมาแลกร้านสากลบ้านเราน่ะ ถูกสุดแล้ว
สนามบินปักกิ่ง จากชั้นล่างสุด Airport Express คือชั้น B2 ชั้นถัดมาคือ B1 เป็นร้านอาหาร ขึ้นมาอีกชั้นเป็น 1F คือชั้นของผู้โดยสารขาเข้า มีรถเมล์จอดอยู่ แต่เป็นรถเมล์ที่จอดอยู่ใช้โดยสารระหว่าง Terminal 2 กับ Terminal 1 เท่านั้น ชั้นถัดไปคือ 2F ชั้นของผู้โดยสารขาออก โดยสายการบินระหว่างประเทศต่างๆ รวมทั้งฮ่องกง หม่าเก๊า ไต้หวัน จัดอยู่ในส่วน Terminal 2 ส่วน Terminal 3 อยู่ชั้น 2F เหมือนกันแต่คนละฟาก เป็นสายการบินภายในประเทศของจีน จำพวก เซินเจิ้น เซียะเหมิน เฉินตู ฮาร์บินฯลฯ ส่วนชั้นบนสุดคือ 3F เป็นภัตตาคารร้านอาหารเช่นเดียวกับชั้น B1
เมื่อทุกคนพร้อม เราก็พากันออกเดินทางไปโรงแรมที่จองไว้ คือโรงแรมเทียนอัน เรกา ดูในแผนที่ตั้งอยู่ใกล้แหล่งท่องเที่ยวใจกลางเมือง การเดินทางไปไม่ใช่เรื่องยาก แต่ขณะนี้ 4.45 น. รถไฟฟ้าใต้ดิน Airport Express เปิดให้บริการ 06.35 – 23.10 ถ้าจะใช้บริการรถไฟฟ้า ต้องรอ 1-2 ชั่วโมง เราจึงคิดวิธีการเดินทางใหม่ เพราะการนอน 3-4 ชั่วโมงบนเครื่องบินแบบหลับๆ ตื่นๆ แล้วต้องมารอรถไฟฟ้าเปิดอีกชั่วโมงกว่า ระหว่างการต่อสถานี บางสถานีก็ไม่มีบันไดเลื่อนให้ การแบกกระเป๋าขึ้นลงบันใด แถมโผล่ขึ้นมาบนดินก็ไม่รู้อยู่จุดไหน ลากสัมภาระไปตามหาโรงแรมอีก คงหนักหนาสาหัสเกินไป โดยเฉพาะสำหรับเด็กน้อย
เราตัดสินใจเลือกใช้บริการแท็กซี่สนามบิน เดินไปสอบถามราคาแล้วก็ตกใจ ไปโรงแรมแถวหวังฟู่จิ่ง 300 หยวน อาจยังเป็นราคาช่วงกลางคืนอยู่ เลยแพงกว่าที่คิดไว้ เพราะถ้านั่ง Airport Express ไปในเมืองคนละ 25 หยวน นั่งอีกต่อ 3 หยวน ก็ถึงสถานีหวังฟู่จิ่งที่หมาย แต่มาครั้งแรกต้องมีค่าครูกันบ้าง เด็กๆ ก็เริ่มทำหน้าง่วงๆ ในที่สุดก็ต้องยอม เผื่อให้เด็กขึ้นไปนอนต่อบนรถ ระหว่างทางโชเฟอร์ก็ชวนคุยเป็นภาษาอังกฤษ แถมยังโชว์พูดไทยได้หลายคำเพราะเคยไปเที่ยวเมืองไทยมาแล้ว สักพักก็แจกนามบัตรนำเที่ยว ถามราคาดูแต่ละที่หลักพันหยวน คุยกันเพลินๆ ใช้เวลาราวครึ่งชั่วโมง ก็มาถึงตัวเมืองปักกิ่ง
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น