2553-04-08

นั่งบัสสนามบิน ต่อแท็กซี่หัวเหลียนต้าซา พาไปพัก Garden Inn (เซินเจิ้น ตอนที่ 2)

(ตอนที่ 1) (ตอนที่ 3) (ตอนที่ 4) (ตอนที่ 5)
1 เมษายน 2553 23.20 น.
วาสนาของทีมเดินทนมิได้อาภัพไปเสียทีเดียว โชคชะตาฟ้าลิขิตให้หนึ่งในทีมงานเดินทนของเรา ได้พบกับ นักศึกษาจีน วิชาเอกภาษาไทย ที่ได้รับทุนแลกเปลี่ยนเพื่อมาเป็นอาจารย์สอนภาษาจีนในจุฬาฯ สามารถพูดไทยได้อย่างคล่องแคล่ว ทราบภายหลังว่าชื่อ “อ.อุ๊” (ชื่อที่เราจะเรียกได้ง่ายที่สุด) ได้มีน้ำใจให้ข้อแนะนำสำหรับนักเดินทางพเนจร พร้อมทำหน้าที่เป็นล่าม พูดคุยทางโทรศัพท์กับเจ้าหน้าที่โรงแรมที่พัก เพื่อให้ 5 หนุ่มพเนจร จะได้มีที่พักคืนนี้

หลังจาก อ.อุ๊ทราบว่า เรายังไม่สามารถจะหาทางจะเดินทางไปยังที่พักได้อย่างไร อ.อุ๊ ก็ได้พาเราไปนั่งรถบัสจากสนามบิน เพื่อเดินทางไปยังหัวเหลียนต้าซา สถานที่ ที่เราจะสามารถนั่งรถแท็กซี่ไปยังที่พักได้ เพราะจะเป็นทางเดียวที่เราจะออกจากสนามบินแห่งนี้ในเวลายามดึกเช่นนี้ สำหรับสนนราคาค่าบริการรถบัส จากสนามบินเซินเจิ้น คิดค่าบริการเพียงคนละ 20 หยวน ซึ่งหากเราเรียกแท็กซี่จากสนามบินเพื่อไปยังตงเหมิน อาจต้องเสียค่าแท็กซี่คันละไม่ต่ำกว่า 200 หยวน สำหรับค่าเงินหยวน ทีมงานเดินทน ซื้อหยวนได้จากแถวประตูน้ำ หยวนละ 4.83 บ. ต่อจากนี้ไปจะนับราคาหยวนที่ 5 บาท เพื่อความสะดวกในการคำนวณราคา

หลังจากนั่งรถบัสสนามบินไปที่หัวเหลียนต้าซา อ.อุ๊ ช่วยเรียกแท็กซี่ให้เราสองคัน (แท็กซี่ที่นี่ ให้นั่งคันละ 4 คนเท่านั้น เราต้องเรียก 2 คัน) ทีมงานเดินทนคนทั้ง 5 ของเรา ต้องขอขอบคุณอย่างแรงต่อ อ.อุ๊ ที่ไปส่งเราถึงที่พัก ทั้งที่บ้านของ อ.อุ๊ ไปคนละทางกับเรา แต่ อ.อุ๊และเพื่อนที่มารับที่หัวเหลียนต้าซา อุตส่าห์มาส่งเราถึงที่พัก ย่านหลงหู่ หรือหลอหวู่ ถนนตงเหมิน เราไม่ลืมที่จะแลกเบอร์โทรศัพท์ หากกลับมาเมืองไทยต้องมีการตอบแทนอย่างเต็มที่

ค่าแท็กซี่มิเตอร์ที่เซินเจิ้นเริ่มต้นที่ 13 หยวน เรามาถึงที่พักในราคา 18 หยวน ที่พักคืนแรกชื่อ Garden Inn ราคา 168 หยวนต่อห้องต่อคืน โรงแรมในเซินเจิ้นทุกแห่ง จะเก็บค่าประกันห้องพัก ห้องละประมาณ 100 หยวน และหลังจาก Check Out จะได้รับคืนทั้งหมด ซึ่งระหว่างที่ธุรกรรมทางการเช่าห้องพักกำลังเกิดขึ้น อ.อุ๊ ได้บอกเป็นภาษาไทยว่า มีที่พักที่ดีกว่านี้ในราคาที่ไม่หนีกันมาก คือ โรงแรม “เจ็ดวัน” อยู่ไม่ไกลจากที่พัก ณ คืนนี้ หากมีเวลาให้หาที่พักที่แปลว่า “เจ็ดวัน” ให้ได้ ซึ่งแน่นอนว่าพนักงานที่โรงแรมนี้ ไม่ทราบว่าเราพูดคุยอะไรกัน “แน่นอน”

หลังจากมีที่พักเป็นที่เรียบร้อย ในเวลาประมาณเที่ยงคืน เมื่อความหิวเข้าย่างกราย ทีมงานได้เดินสำรวจบริเวณโดยรอบจากที่พัก แล้วก็พบว่าอาหารยอดนิยมยามดึก เป็นอาหารจำพวกปิ้งย่าง และผัด อาหารปิ้งย่างมีทุกอย่าง ทั้งเนื้อและผักหลากหลายประเภทให้เลือก อาหารจำพวกผัด จำพวกผัดสามารถเลือกเส้นได้ตามประสงค์ รสชาติทั้งสองประเภท อร่อยอย่าบอกใคร

วัยรุ่นที่พวยพุ่งมาจากฝั่งตรงข้ามถนน มุ่งตรงมายังร้านที่เรานั่งเป็นระยะ มาเป็นคู่บ้าง เป็นทีมบ้าง ไม่ต่างกับเมืองไทยสักเท่าไร จึงไม่แปลกใจที่ทีมงานจะเดินไปสำรวจฝั่งตรงกันข้ามหลังจากอิ่มหมีพีมันเป็นที่เรียบร้อย แล้วทีมงานก็พบว่าสถานที่อโคจรทั้งหลายแทรกซึมอยู่ทั่วไป วัยรุ่นจีนยุคใหม่ เดินออกมากจากแสงไฟระยับ นั่งพักหนุงหนิงกันบ้าง ทะเลาะกันบ้าง ตามที่นั่งพักริมทาง หลังจากที่สถานบันเทิงยามราตรีเริ่มทยอยปิดบริการ

โดยที่ทีมงานไม่ทราบเลยว่า ณ สถานที่นี้ในเวลากลางวัน เป็นถนนคนเดินที่ใหญ่ที่สุดในย่านถนนตงเหมิน มีคนเดินช็อปปิ้งไม่ต่ำกว่าแสนคนต่อวัน วันนี้เราสรุปสถิติการเดินทนของเราที่สุวรรณภูมิ 4 ชั่วโมง และที่เซินเจิ้น 0.00 – 03.00 อีก 3 ชั่วโมง รวมเป็น 7 ชั่วโมง ตัดเวลาที่นั่งทานข้าว หรือพักเหนื่อยที่สุวรรณภูมิไป 2 ชั่วโมง รวมวันนี้ทีมงานคุณภาพสร้างสรรค์การเดินทนได้เพียง 5 ชั่วโมง

พรุ่งนี้เช้าในเซินเจิ้นจะเป็นอย่างไร
... โปรดติดตามชมตอนต่อไป ...

(ตอนที่ 1) (ตอนที่ 3) (ตอนที่ 4) (ตอนที่ 5)

ไม่มีความคิดเห็น: