... ไปพบบทความ ทั้งหมด 17 ตอนในพันทิป กระทู้คุณเจ็ดกระบี่เทวดา .. อ่านแล้วชอบมาก คิดว่าน่าจะมีประโยชน์กับหลายๆท่าน ขออนุญาตนำมาแชร์ต่อครับ ...
ที่มา : ThaiDayTrade , credit : boardthai.net/jadetjomjone
“ทุ่งกล้า กลับเข้ามาในตลาดเที่ยวนี้ ผมมองว่า ราคามันควรจะวิ่งไปถึง 12 บาท มันจึงจะเหมาะสม”
“เนี่ยะ หุ้นรับเหมาอีเอซี เฮียเค้าหวังปั้น รายใหญ่ล้วนกอดหุ้นกันหมด อีกไม่นาน จะได้เห็นการก้าวกระโดดของบริษัท คอยดูแล้วกัน เจ๊เองก็จะถือยาวเลยล่ะ ไม่ขายเด็ดขาด ขายไปก็ไม่มีทางได้ซื้อคืนหรอก”
อาจจะจริงก็ได้ หรือ ไม่จริงก็ได้ครับ เราไม่ใช่ผู้กุมชะตาของหุ้นตัวนี้
แต่ที่แน่ๆ ถ้าข่าวลือแพร่หลายในวงกว้างอย่างเป็นระบบ จนใครๆก็รับรู้ข่าว แสดงว่า ผู้กุมชะตา มีความพยายาม ให้ข่าวกระจาย เพื่อหวังผลทางใดทางหนึ่ง เช่น ต้องการให้มวลชนเข้าซื้อ เพื่อตนจะขายได้ราคาดี หรือ ต้องการให้มวลชนขาย เพื่อจะได้เข้าเก็บของ
เพราะถ้าเป็นความลับสุดยอดจริง ข่าวจะไม่มาถึงเราๆท่านๆ ครับ
เนื่องจาก ผู้กุมข่าว และ ใช้ประโยชน์จากข่าวนั้น จะเป็นผู้ได้ผลประโยชน์มหาศาล หากสาธารณชน ยังไม่ทราบข่าว และหากทุกคนมีข้อมูลเสมอภาค เท่าเทียมกัน ราคาจะวิ่งรับข่าว ในเวลาอันรวดเร็ว จนไม่เหลือส่วนต่าง ให้หาประโยชน์
ตอนประเทศไทยจะลอยตัวค่าเงินบาท สมัยรัฐบาล พลเอก ชวลิต ท่านได้ข่าวลือมาก่อนไหมคับ
ตอนมาตรการ 30% จะประกาศใช้ กับ ตอนมาตรการ 30% จะได้รับการยกเว้นกับตลาดหุ้น หลังประกาศใช้ ได้เพียงวันเดียว ท่านได้ข่าวลือมาก่อนไหมคับ
ครั้นจะไม่ให้แคร์ข่าวลือเลย ก็ไม่ได้ ต่อให้ท่านลงทุน ในหุ้นพื้นฐานดี พีอีต่ำ ปันผลสูงก็เหอะ
เพราะหากข่าวลือในทางร้าย มันเกิดขึ้นจริง ความเสียหายมากมาย มันก็สามารถเกิดขึ้นกับท่านได้ ในทางตรงข้าม หากมีข่าวลือในทางที่ดี แล้วท่านบอกว่า ไม่สนข่าวลือ มันก็สูญเสียโอกาส ในการทำกำไรได้เหมือนกัน
ข่าวลือที่ฮิตๆ เช่น ข่าวปฏิวัติซ้ำ ปฏิวัติซ้อน ปฏิวัติย้อน ข่าวลือเรื่องรัฐบาลถังแตก เรื่อง IMF คิดถึงไทย เรื่องต่างชาติจะทุบค่าเงิน ฯลฯ ข่าวรายใหญ่เข้าลุยซื้อ หุ้นตัวนี้จำนวนมาก ข่าวรายใหญ่ขายหุ้นบริษัทอยู่ ข่าวบริษัทกำลังจะเพิ่มทุน บริษัทจะชนะประมูล บริษัทจะต้องทำ Tender Offer บริษัทกำลังจะมีข่าวดี บริษัทมีงานใหญ่รออยู่ บริษัทกำลังจะได้พันธมิตรต่างชาติ บริษัทจะประกาศจ่ายปันผลสูงมาก บริษัทจะไปเทคโอเว่อร์กิจการอื่น หรือบริษัทกำลังจะถูกเทคโอเว่อร์ บริษัทจะชนะคดีหรือจะแพ้คดี และ อื่นๆอีกมากมาย
ข่าวอะไรก็ตาม หากมาถึงท่าน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ใครๆก็รู้เหมือนท่านด้วย แสดงว่า ผู้กุมชะตาหุ้นตัวนั้น มีความพยายามให้ข่าวกระจาย เพื่อหวังผลทางใดทางหนึ่ง
เดี๋ยวเราไปดูกันครับ ว่าทำไมเซียนหุ้นถึงให้ “ซื้อทันที” ที่มีข่าวลือในเชิงบวก แล้วค่อยขายทำกำไร เมื่อข่าวจริงปรากฏ เข้าตำราที่ว่า “Buy on rumor, Sell on fact”
และ ทำไมเซียนหุ้นถึงให้ “ขายทันที” ที่มีข่าวลือในเชิงลบ แล้วค่อยซื้อหุ้นคืน ในต้นทุนที่ต่ำกว่าเดิมมาก เมื่อข่าวจริงปรากฏ เข้าตำราที่ว่า “Sell on Rumor, Buy on fact”
แต่ก่อนจะซื้อหรือขาย ช่วยเช็คหน่อยก็ดี ว่าเราเป็นคนแรกๆที่รู้ข่าวลือนี้ หรือ เขารู้กันทั้งตลาดแล้ว ลองเช็คราคาคร่าวๆดูนะครับ ว่ามันขึ้นหรือลงเล่นข่าวนั้นมากี่วันแล้ว อย่าตกเป็นเหยื่อของข่าวลือ โดยเด็ดขาด
บางที เรื่องราวต่างๆนี้ อาจจะช่วยให้ท่านเข้าใจได้ว่า ทำไมบริษัทออกจะมีข่าวดีปานนั้น แต่พอท่านซื้อแล้ว มันดันทะลึ่งลง และ ทำไมบริษัทเจอมรสุมขนาดนี้ แต่พอท่านขาย มันกลับเด้งกลับ ซะงั้น
ท่านเชื่อเรื่อง ข่าววงในไหมครับ…
โดยเฉพาะข่าววงใน ที่มาจากเจ้าของหุ้น หรือผู้บริหารบริษัทจดทะเบียน ซึ่งตามหลักกฎหมายแล้ว การนำข้อมูลภายในมาซื้อขายหุ้น ก่อนจะแจ้งข้อมูลข่าวสารสารสนเทศ ต่อนักลงทุนอย่างเป็นทางการนั้น ผิดกฎหมายฐานใช้ข้อมูลวงใน (Insider trading) และผิดจรรยาบรรณ เพราะถือว่าไม่มีธรรมาภิบาลครับ
แต่เอาเข้าจริง ก็มักมีพฤติการณ์ทำนองนี้ อยู่เรื่อยๆ มีทั้งจับได้มั่ง จับไม่ได้มั่ง หรือกว่าจะจับได้ก็เข้าตำรา กว่าถั่วจะสุกงาก็ไหม้
ผมไม่สนับสนุนให้ท่านทำผิดกฎหมาย หรือร่วมกับเจ้าของหุ้นทำผิดนะครับ แต่ในเมื่อยังมี เจ้าของหุ้น มีพฤติการณ์ Insider trading แล้วก็เป็นการเอารัดเอาเปรียบนักลงทุน มาแต่ยุคดึกดำบรรพ์ ปราบไม่ได้ทำลายไม่หมดมาถึงยุคปัจจุบัน และยังน่าจะมีต่อไป คู่กับตลาดหุ้นในอนาคต ผมก็ขอเปิดกลเกมเจ้าของหุ้นให้รู้กันไว้
พวกเราคนเล่นหุ้นจะได้ไม่ตกเป็นเหยื่อ หรือบางทีอาจมีรางวัลงามติดปลายนวม หากเรารู้ทันพวกเจ้าของหุ้นเจ้าเล่ห์ทั้งหลาย
ถ้าบริษัทกำลังจะมีข่าวดี สมมุติว่าท่านเป็นเจ้าของหรือเป็นผู้บริหาร หรือเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ ท่านจะแอบเข้าเก็บหุ้นก่อนหรือเปล่าครับ
และเมื่อท่านเก็บจนพอแล้ว ท่านอยากให้หุ้นขึ้นหรือเปล่าครับ
ถ้าจะให้หุ้นขึ้นด้วย และ ท่านเองก็ได้บุญคุณด้วย ท่านก็ต้องบอกคนใกล้ตัว ให้เข้าเก็บด้วยใช่ไหมครับ
เมื่อคนใกล้ตัว หลายๆคน เข้าเก็บ กราฟราคาหุ้นจะออกอาการ เป็นแนวโน้มขาขึ้น และเมื่อคนใกล้ตัวท่าน โทรกริ๊งกร๊างบอกญาติพี่น้องเพื่อนพ้องเขา ข่าวลือก็จะปูด ออกสู่สาธารณะ พร้อมๆกับ ราคาขยับขึ้นไปเรื่อยๆ อย่างเร็ว จริงปล่าว
และเมื่อข่าวจริงปรากฏ เมื่อหนังสือพิมพ์ลงข่าว นักวิเคราะห์จะปรับราคาเป้าหมายใหม่ พร้อมแนะนำซื้อ บอกว่าดี อย่างงั้นอย่างโง้น อย่างงี้ ทำให้ มวลชนคนส่วนใหญ่ในตลาด ที่เคยลังเล ตอนได้ยินข่าวลือมาใหม่ๆ เกิดมีความมั่นใจอย่างแรง ที่จะเข้าซื้อตาม อย่างเร่งรีบ ด้วยความกลัว ตกขบวนรถไฟสายด่วน
แหม ราคาก็ขึ้นมามากแล้ว ปริมาณหุ้นที่ตั้งรอซื้อก็หนาแน่น ท่านจะขายไหมครับ คนใกล้ตัวและญาติพี่น้องเพื่อนพ้องทั้งหลาย อยากจะขายไหมครับ กำไรขนาดนี้แล้ว
ถึงจะมีข่าวดี แต่หากปริมาณหุ้นจำนวนมหาศาล ถูกเทขายลงมา ยังไงราคาก็รูดลง ตรงนี้เองที่ทำให้ กลุ่มที่ขาย ทำกำไรไปก่อน มีความมั่นใจว่าจะได้ซื้อคืน ในราคาที่ต่ำกว่าเดิม ……. ก่อนที่อานิสงค์ของข่าวดีนั้นจะไปโผล่ในงบการเงิน เจ้าของหรือผู้บริหาร หรือผู้ถือหุ้นใหญ่ ก็ทำกำไรกันได้ไม่รู้กี่รอบต่อกี่รอบแล้ว
เรื่องนี้ ผมขอแชร์ประสบการณ์หน่อย แล้วกันครับ ว่าผมจัดการอย่างไรกับข่าวลือดีๆเหล่านั้น
เมื่อมีข่าวดีลือเข้ามา ผมจะเคาะซื้อไปก่อน 1 ส่วนเลย เพื่อทดสอบสมมุติฐานของข่าว
ยังไงเสีย ไม่ว่า ข่าวดีที่ลือเข้ามานั้นจะจริงหรือไม่ก็ตาม อย่างน้อย ผู้เจตนาปล่อยข่าว ก็ต้องมีการ เคาะโชว์นำขึ้นไปก่อนล่ะครับ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับข่าว เพื่อลวงมวลชนว่าข้อดีนี้มีมูล
หากผมซื้อไปแล้ว ราคาไม่ยักกะลง ทีนี้แหละ ก็จะซื้อตามขึ้นไป ตามสไตล์ “ยิ่งขึ้นยิ่งซื้อ” แสดงว่า หุ้นตัวนี้ มันมีอะไรซ่อนอยู่ จำนวนหุ้นที่วางขาย มันเลยไม่เพียงพอ ต่อความต้องการซื้อในขณะนั้น จนผู้ซื้อต้องเคาะซื้อขึ้นไปแบบไม่เกี่ยงราคา
แต่หากผมซื้อหุ้นเข้าไปแล้ว ราคาก็ร่วงตกลงมา นี่ซิปัญหา ไฉนหุ้นถึงดิ่งลงมา ให้เราซื้อได้อีกที่ราคาเดิม หรือ บางที ซื้อได้ถูกกว่าเดิมมากๆด้วยซ้ำ แบบนี้ ผมเผ่นล่ะ ขายขาดทุนหนีตายดีกว่า แสดงว่า สมมุติฐานเราผิดแล้ว ใครจะมาใจดี ให้เราได้ซื้อได้ไม่อั้น ขนาดนั้น ถ้ามันมีข่าวดีจริงๆ รออยู่ ในระยะเวลาอันใกล้
สังเกตไหมครับ หากผมซื้อแล้วขึ้น มันจะขึ้นๆๆ จนทำกำไรได้มากมาย แม้ข่าวจะยังไม่ออกก็ตาม แต่หากผมซื้อแล้วลง ผมทิ้งโดยเร็ว เสียหายเพียงเล็กน้อย ถือว่า ยังคุ้มค่าที่จะเข้าไปเสี่ยง
ย้ำอีกทีนะครับ ถ้าซื้อหุ้นแล้วมันไปในทิศทางที่เราคาดหวัง กำไรจะวิ่งไปอย่างมากมาย แต่หากซื้อแล้วผิดคาด รีบยอมแพ้แต่เนิ่นๆ จะเสียหายเพียงเล็กน้อย
แบบนี้ ถูก 5 ครั้ง ผิด 5 ครั้ง ก็รวยแล้ว
และอย่าลืมนะครับ ไม่ว่า ข่าวดีที่ลือกัน ไม่ว่าจะเป็นแจกวอแร้นท์ ได้พันธมิตรใหม่ ได้งานโครงการใหญ่ หรือ จ่ายเงินปันผล ในอัตราที่สูงมากก็ตาม และไม่ว่าข่าวนั้นจะจริงหรือเท็จก็ตาม ส่วนใหญ่ราคาหุ้นจะวิ่งนำขึ้น มาก่อนเสมอ ท่านต้องเลือกแล้วล่ะครับว่าจะซื้อในทันที หรือ ซื้อเมื่อข่าวออก
ถ้าข่าวลือนั้น มีมูลจริง ความต้องการซื้อก็ควรจะสูง ปริมาณหุ้นที่วางขาย ก็ควรจะมีแต่คนที่จ้องจะแย่งกันเก็บ ถึงแม้ อาจจะมีการบล็อกหุ้น หรือ ตบไล่แขก ลงมาบ้าง แต่ราคาก็จะไม่ลงไปลึก เพราะหากลงลึก หุ้นจะถูกเปลี่ยนมือไปอยู่ในมือของรายย่อยแทน ซึ่งเป็นไปได้หรือครับ หากบริษัทกำลังจะมีข่าวดี แต่เจ้าของ หรือ ผู้บริหาร หรือ ผู้ถือหุ้นใหญ่ กลับนำความมั่งมี คืนสู่มวลชน
ในทางตรงกันข้าม สมมุติใหม่ ให้ท่านเป็นเจ้าของบริษัท หรือ เป็นผู้บริหาร หรือ เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ เหมือนเดิมแล้วกัน เรายังไม่ปลดท่านออก และท่านก็รู้ดีที่สุดว่า บริษัทมีข่าวร้ายซ่อนอยู่ ท่านจะชิงขายหุ้น ออกมาก่อนไหมครับ
และเมื่อท่านขายออกมาแล้ว ท่านอยากให้มันลงไหมครับ
ด้วยความหวังดี ท่านก็อาจจะกระซิบบอกคนใกล้ตัว บอกญาติพี่น้อง ว่าอีกไม่นานข่าวร้ายจะปูดออกมา
เมื่อคนวงในรู้ข่าวก็จะโทรไปสั่งขาย และเมื่อขาย กราฟราคาหุ้นก็จะออกอาการเป็นแนวโน้มขาลง
ช้างตายทั้งตัว ไม่สามารถเอาใบบัวมาปิดได้ ในไม่ช้า ข่าวลือก็จะปูด ออกสู่สาธารณะ พร้อมๆกับ ราคาไหลลงไปเรื่อยๆ
และเมื่อข่าวร้ายปรากฏ เมื่อหนังสือพิมพ์ลงข่าว นักวิเคราะห์จะปรับราคาเป้าหมายลง พร้อมแนะนำขาย ด้วยเหตุผล อย่างงั้นอย่างโง้น อย่างงี้ ทำให้ รายย่อยส่วนใหญ่ในตลาด ที่เคยลังเล ตอนได้ยินข่าวลือมา เกิดความกลัว และรีบขายล้างพอร์ตหนีตาย
ตลาดหุ้นเป็นเรื่องของอารมณ์ การตอบสนองต่อข่าว เกินเหตุเสมอ ดังนั้น ราคาหุ้นที่ถูกเททิ้งลงมามากมาย จนราคาต่ำกว่าเหตุนั้น ก็จะเริ่มจูงใจให้เจ้าของบริษัท ผู้บริหาร ผู้ถือหุ้นใหญ่ ซื้อหุ้นคืนแล้วล่ะ จริงไหมครับ มีข้อยกเว้นเพียงอย่างเดียว ที่คนวงในจะไม่ซื้อคืน นั่นคือ บริษัทนั้น มันเน่าในจริงๆ กระทั่ง ผู้บริหารและเจ้าของ ยังไม่คิดที่จะซื้อคืนเลย
กรณีนี้ ถ้าเป็นผม ผมจะจัดการอย่างไรกับข่าวลือร้ายๆเหล่านั้น
ปกติแล้ว คนเล่นหุ้น ขี้ตกใจนะ ยังไงเสีย หุ้นก็ลงก่อนล่ะ หากมีข่าวร้ายเข้ามา
ใครบอกว่ากระต่ายตื่นตูม ก็ช่างเถอะ ผมขายก่อนล่ะ ยามที่มีข่าวร้ายวิ่งเข้ามา ยากที่ใครจะไปทนทานแรงขายได้
ในเมื่อหุ้นมีแนวโน้มจะลงเพราะความกังวลข่าวร้าย ผมจะรออะไรอยู่ครับ แทนที่จะไปนั่งเช็คข่าว ไปถามใครต่อใคร หรือ นั่งรอข่าว ผมขอขายก่อนไม่ดีกว่าหรือ
ธรรมชาติของหุ้น ลงได้รวดเร็ว และ รุนแรง กว่าการขึ้นเสมอ ยังไงเสีย ขายไปแล้วก็ยังมีโอกาสได้ซื้อคืนอยู่ดี เพราะเมื่อข่าวลือเข้ามาในตลาด ถึงเราไม่ขาย คนอื่นก็ขาย ยังมีคนอีกตั้งมากมายนะครับ ที่ต้นทุนเขาต่ำมากและอยากจะล็อคกำไรออกมาก่อน
เมื่อคนทั้งตลาดขายหุ้นออกมา จนแรงขายหมดเกลี้ยงแล้ว จนราคาหุ้นต่ำเกินเหตุแล้ว แบบนี้เราค่อยซื้อคืน ก็ยังไม่สายใช่ไหมครับ แถมซื้อหุ้นคืนได้ครบ ในต้นทุนที่ต่ำกว่าเดิมตั้งเยอะ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น