2558-10-01

เดินข้ามพรมแดนไทยไปพม่า มินกาลาบา “เมียวดี“


(ตลาดริมเมย) (เมียวดีคอมเพล็กซ์)
ตลอดระยะเวลาสิบกว่าปีที่ผ่านมา ลูกค้ารายใหญ่รายสำคัญที่สุดสำหรับร้านของเรา คือลูกค้าที่อำเภอแม่สอด จังหวัดตาก ทำให้การเดินทางไปยังอำเภอแม่สอด ไม่ใช่เรื่องน่าตื่นเต้นสำหรับผม ไปเช้าส่งงานเสร็จขับกลับเชียงใหม่ ระยะทาง 340 กม. ไปกลับประมาณ 700 กม. ถือเป็นเรื่องปกติ หากแต่ล่าสุดคือไปรับปากหลานชายที่มาช่วยงานที่ร้านว่า เสร็จงานแล้วถ้าได้เอางานไปส่งที่แม่สอด จะพาไปเที่ยวเมืองนอก ในเมื่อรับปากแล้วก็ต้องทำตามวาจาที่ลั่นไว้ การเดินทางข้ามฝั่งไปยังเมืองเมียวดี ประเทศพม่า จึงเป็นเป้าหมายสำหรับการเดินทางในครั้งนี้

เมียวดีเป็นเมืองชายแดนด้านตะวันออกของประเทศพม่า ติดกับอำเภอแม่สอด จังหวัดตาก มีแม่น้ำเมยทำหน้าที่แสดงอาณาเขต เชื่อมต่อด้วยสะพานมิตรภาพไทย-พม่า เป็นตลาดการค้าชายแดนที่สำคัญ เพราะเป็นเส้นทางหลักในการขนส่งสินค้านำเข้าและส่งออกทางรถยนต์ จากประเทศไทยไปยังพม่าและประเทศกลุ่มอินโดจีน อยู่ในเขตของรัฐกะเหรี่ยง พม่าจึงจัดเป็นเขตเศรษฐกิจพิเศษ ปกครองแบบท้องถิ่นทั้งทหารพม่าและกะเหรี่ยง ก่อนหน้านี้เคยมีโอกาสข้ามไปเมียวดีอยู่หลายครั้ง ทั้งการเดินข้ามและการโดยสารรถนำเที่ยวสัญชาติพม่า ในครั้งนี้เป็นทริปของหนุ่มๆ วัยรุ่น พอมีแรงเดินอยู่บ้าง เราจึงเลือกเดินทางด้วยการเดินข้ามแดน เพื่อจะได้สัมผัสบรรยากาศของการเดินเล่นในเมืองนอกอย่างแท้จริง

การข้ามแดนไปเมืองเมียวดีต้องทำหนังสือผ่านแดนชั่วคราว สำนักงานตั้งอยู่ทางไปริมเมย เลยปั๊ม ปตท.ไปนิดหน่อยด้านซ้ายมือ ด้านหน้าสำนักงานฯ สังเกตจะมียูเทิร์น สงสัยเอาไว้ให้คนที่เดินทางไปถึงด่านแล้วผิดหวัง ขับย้อนกลับมาเลี้ยวยูเทิร์นเข้าสำนักงานทำหนังสือผ่านแดนฯ ขั้นตอนการทำวีซ่าชั่วคราวก็ง่ายมาก ยื่นบัตรประชาชน จ่ายเงิน 30 บาท ก็ได้เอกสารมา เอาไปยื่นที่ด่าน ตม. เดินข้ามสะพานไปได้เลย ขาเข้าด่านพม่าเจ้าหน้าที่ก็จะเรียกเก็บอีก 20 บาท เพียงแค่นี้ก็ได้ไปเดินฉุยฉายเมืองนอก ถ่ายภาพอัพเฟซบุ๊คอวดเพื่อนกันได้แล้ว

หากใครไม่อยากเดิน บริเวณหน้าด่านจะมีรถนำเที่ยวพม่า จอดเรียกผู้โดยสารอยู่เยอะแยะมากมาย ที่เคยใช้บริการเค้าคิดค่ารถ 500 บาท ต่อราคาได้ 400 บาท นั่งรถไปเพื่อหาซื้อแตงโมลูกโตๆ มีแหล่งขายอยู่ที่หน้าวัดชเวมินหวุ่น หรือวัดเจดีย์ทอง แต่พอกลับมาถึงฝั่งไทย เค้าบอกว่าขอเพิ่มเป็น 600 บาท เพราะแตงโมหลายสิบลูกที่เราซื้อมามันหนักรถเค้าไปหน่อย มาเที่ยวนี้เลยทำใจแข็งไม่สนใจโชเฟอร์แท็กซี่นำเที่ยวที่เข้ามาถาม ก้มหน้าก้มตาเดินผ่านด่านไปอย่างเดียว ถือเป็นการฝึกจิต เพราะฝั่งบ้านเรามีแค่โชเฟอร์นำเที่ยว แต่อีกฝั่งมีทั้งนำเที่ยว ทั้งเด็กขอทาน ทั้ง ฯลฯ ที่เราต้องทำใจแข็งเดินฝ่าไปให้ได้

เมียวดีเป็นเมืองพุทธ ดังนั้น บริการรถนำเที่ยวเมียวดีของพม่า จะมีที่เที่ยวหลักๆ คือ วัดมิจาโกง หรือวัดดอนจระเข้ วัดชเวมินหวุ่น หรือวัดเจดีย์ทอง วัดเจ้าโลวจี หรือวัดก้อนหินใหญ่ วัดเด้ถั่นเอ่ หรือวัดเจดีย์อธิษฐาน และที่ขาดไม่ได้คือแวะช็อปปิ้งที่ตลาดบุเรงนอง ซึ่งสถานที่ทั้งหลายที่กล่าวมานี้ หากท่านแข็งแรงพอก็สามารถเดินไปเที่ยวได้ สังเกตเอาง่ายๆ จากถนนใหญ่เส้นหลัก หากซอยไหนมีถนนลาดยางหรือถนนซีเมนต์ไปเพียงเล็กน้อย แสดงว่าถนนเส้นนี้ไม่มีสถานที่ท่องเที่ยวอื่นใด แต่หากมองเข้าไปซอยไหนไหนมีถนนพื้นปูนหรือลาดยางแล้วละก็อย่างน้อยก็มีวัด หรือตลาดให้เดินเที่ยว

ได้เข้ามาเดินเฉิดฉายในเมืองนอกเยี่ยงนี้แล้ว แน่นอนว่าสิ่งที่แตกต่างจากบ้านเราจะเกิดขึ้นตั้งแต่ก้าวแรกของการข้ามสะพานมิตรภาพฯ เริ่มจากทางกายภาพ ถนนที่รถวิ่งชิดขวา แม้จะเป็นพวงมาลัยซ้าย รถราบีบแตรกันลั่นถนน รถหรูหราที่บ้านเราเรียกว่ารถนำเข้า คนขับเปิดกระจกมาบ้วนน้ำหมากก็มี ร้านชากาแฟกับร้านขายหมากมีเรียงรายแทบทุกช่วงตึก เมียวดีเป็นเมืองค้าขาย ร้านแลกเงินแถวด่านมีเครื่องนับธนบัตรกันทุกร้าน ลูกค้าที่มาใช้บริการก็เอาผ้าข้าวม้ามาห่อเลยทีเดียว แล้วมิใช่เพียงแค่เงินจ๊าดที่เค้ายัดใส่เครื่องนับ แบ็งค์พันบาทไทยเป็นปึกๆ ก็เห็นใส่เครื่องนับกันเป็นปกติเช่นกัน

สนนราคาค่าแลกเปลี่ยน 1 บาทได้ประมาณ 35 จ๊าด ซื้อน้ำขวดเล็ก 1 ขวดบ้านเราขาย 10 บาท พม่าบอกสองร้ายกว่าจ๊าด พอบอกไม่ได้แลกเงินมา เอาเงินบาทไทยจ่ายเค้าคิดขวดละ 6 บาท ก็ดูเหมือนจะไม่แพง แต่พอเดินเที่ยวไปเกิดดื่มน้ำไป แล้วเกิดอยากเข้าห้องน้ำ นึกอะไรไม่ออกเดินเข้าวัดได้เลย หาได้ไม่ยากวัดมีอยู่แทบตลอดทาง เกือบเที่ยงวันก็ยังมีพระเดินบิณฑบาตอยู่ตามถนนหนทาง เดินเข้าวัดไปกำลังจะถามถึงห้องน้ำ พระพม่าที่กำลังเปิดคาร์แคร์ในวัดประหนึ่งว่าหยั่งรู้อนาคต ชี้ทางไปห้องน้ำให้เลย สนนราคาค่าเข้าห้องน้ำมีมรรคนายกวิ่งมาเปิดกุญแจให้ จ่ายไป 5 บาท เกือบสองร้อยจ๊าดแน่ะ ว่ามั้ย

บริเวณถนนเส้นหลัก มีสถานที่ราชการต่างๆ เป็นระยะ ซึ่งเราสามารถอ่านภาษาอังกฤษและเดาจากสิ่งปลูกสร้างได้ไม่ยาก ไม่ว่าจะเป็นสถานีตำรวจ โรงเรียน โรงแรม สถานีอนามัย คลินิก ร้านทำฟันฯลฯ แม้จะไม่ใช่สถานที่ท่องเที่ยวแต่ด้วยความแปลกตาก็พาให้ชวนถ่ายภาพได้ ย้อนกลับมาสถานที่เที่ยวนอกจากวัดแล้วตลาดที่ติดถนนใหญ่มีชื่อเสียงโด่งดังในเมืองนี้ เห็นจะเป็นตลาดบุเรงนอง อยู่ติดถนนใหญ่นี้เอง มีสินค้าหลากหลาย ด้านหน้าเป็นเสื้อผ้ากระเป๋ารองเท้า เดินอ้อมเข้าซอยไปสำรวจด้านข้างในก็เป็นวัตถุดิบจำพวกอาหาร ผลไม้สด อาหารทะเลสดและแห้ง

แม้จะอยู่ท่ามกลางขุนเขา แต่เมืองเมียวดีมีสินค้าจากทะเลเยอะแยะมากมาย ทั้งสดทั้งแห้ง นั่นก็เป็นเพราะอีกแค่ประมาณ 100 กม. จากจุดนี้ก็จะเป็นอ่าวมะตะบัน อ่าวใหญ่ของพม่าในทะเลอันดามัน จนบางทีหากเราพูดถึงทะเล เราลืมนึกไปว่าหลายจังหวัดที่เต็มไปด้วยขุนเขาในภาคเหนือ อย่างแม่ฮ่องสอน หรือตาก ห่างไกลทะเลอันดามันไม่กี่ร้อยกิโลเมตร เพียงแต่เราไม่มีโอกาสเข้าถึงเพราะมีประเทศพม่ากั้นขวางอยู่แค่นั้นเอง เพียงแค่นี้เราก็พอเข้าใจแล้วว่าแม่สอดและเมียวดีเป็นเมืองเศรษฐกิจที่สำคัญเพียงใด เรียกได้ว่าเป็นประตูสู่อันดามัน ช่องทางขับเคลื่อนหลากหลายธุรกิจในย่านอินโดจีน เลยทีเดียว

กลับมาถึงเมืองไทย นั่งคุยทริปนี้กับเพื่อนรุ่นพี่คนพื้นถิ่น พี่เค้าบอกจะไปให้ถึงเมียวดี ต้องไปเมียวดีคอมเพล็กซ์ ไม่ต้องทำวีซ่า เดี๋ยวจะพานั่งเรือข้ามฟากไป ขึ้นชื่อว่าคอมเพล็กซ์ ก็น่าจะมีครบทุกอย่าง ไม่เล่นการคาซิโนไม่เป็นไร ไปนั่งจิบเบียร์ดูบอลกันก็ได้ ดึกดื่นโรงแรมที่พักที่เมียวดีก็มีมากมาย ก่อนหน้านั้นมาแม่สอดก็พักแม่สอด ไม่ได้คิดจะข้ามไปพักในเมียวดี เพราะไม่มีคนพื้นถิ่นนำไป เราก็ไม่กล้าจะห้าวสุดติ่งกระดิ่งแมว เอาไว้โอกาสหน้าเจ้าถิ่นรับปากแล้วว่าจะพาไปตะลุยราตรีที่เมียวดี มีโอกาสถึงเมียวดีเมื่อไรเดี๋ยวจะรีบมานำเสนอ โปรดติดตามตอนต่อไป

ไม่มีความคิดเห็น: