2563-09-01

ชมวิวดอยม่อนคว่ำหล้อง มองผ่าน Canopy Walkway เตร็ดเตร่เหนือเรือนยอดไม้

ทั่วโลกกำลังเผชิญหน้ากับการระบาดรอบสองของโควิด 19 แต่ไทยเรายังคงสามารถควบคุมการระบาดของโรคได้เป็นอย่างดี แม้ว่าภาวะเศรษฐกิจการค้าจะเงียบเหงาไปบ้าง แต่คนไทยก็ได้ใช้ชีวิตดีๆ กินอยู่อย่างสบายใจ หลังจากคลายล็อคดาวน์ รัฐบาลก็เร่งงัดโปรโมชั่นต่างๆ มากระตุ้นการใช้จ่ายผ่านการท่องเที่ยววิถีใหม่ นำร่องโดยหน่วยงานของรัฐ ให้นักเที่ยวยุคโควิดได้ทำความรู้จักการท่องเที่ยวแบบ New Normal ทริปแรกหลังการปลดล็อคจึงเกิดขึ้นใกล้ๆ บ้าน ประเดิมโปรโควิด บนเส้นทางเดิน Canopy Walkway เส้นทางเดินลอยฟ้าที่ยาวที่สุดในประเทศไทย

เที่ยวไกลไม่ได้ ก็ไม่ต้องถวิลหาจะไป สิ่งดีๆ มากมายมีอยู่ใกล้ๆ ออกจากบ้านไปไม่ถึงชั่วโมง Canopy Walkway ตั้งอยู่ในสวนพฤกษศาสตร์สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ Queen Sirikit Botanic Garden อำเภอแม่ริม จังหวัดเชียงใหม่ ด่านแรกเข้าไป เจ้าหน้าที่ให้คำแนะนำก่อนเลย การท่องเที่ยววิถีใหม่ต้องทำอย่างไร ใส่หน้ากาก ล้างมือ วัดอุณหภูมิ ไปเช็คอินน์แอพฯ ไทยชนะให้เรียบร้อย ช่วงพฤษภาคม 2563 โปรโควิด เข้าชมฟรี ถ้าหมดโปรฯ รถยนต์คันละ 100 มอเตอร์ไซค์ 30 ผู้ใหญ่ 40 เด็กมัธยม 20 บาท ยกเว้นเด็กอายุต่ำกว่า 12 และผู้เฒ่าเกิน 60 เข้าฟรี

Canopy Walkway เส้นทางเดินเหนือเรือนยอดไม้ เป็นเส้นทางศึกษาระบบนิเวศของป่าดิบแล้ง และป่าดงดิบ ตามหุบเขาของป่ามรสุมเขตร้อน มีความสูงจากระดับน้ำทะเล 800 เมตร ทางเดินชมธรรมชาติขึ้นโครงเหล็กปูพื้นตาข่าย สูงจากพื้นดินราว 20 เมตร พาดผ่านป่าสน ต้นไม้ใหญ่ในป่า ระยะทางยาว 369 เมตร ระหว่างทางมีจุดชมวิว หวิวๆ ด้วยพื้นและผนังกระจกใส มองทะลุได้ทั้งด้านล่างด้านข้าง ยิ่งลมกระโชกพัดเชิงเขา คล้ายจะหอบเอาลอยละลิ่วปลิวไป ม่อนดอยที่มองออกไปเบื้องหน้า ได้แก่ “ดอยม่อนคว่ำหล้อง” ทิวเขางาม ที่มีรูปร่างคล้ายโลงศพคว่ำอยู่

ดอยม่อนคว่ำหล้อง มีตำนานเล่าขานต่อกันมาว่า ขุนหลวงวิลังคะ ผู้ปกครองอาณาจักรลัวะในอาณาจักรล้านนา ได้ตกหลุมรักพระนางจามเทวี เจ้าเมืองหริภุญชัย เรียกง่ายๆ ว่าขุนหลวงเชียงใหม่แอบมีใจรักเจ้าเมืองลำพูน แต่พระนางไม่ชอบ จึงออกอุบายท้าให้ขุนหลวงพุ่งเสน้า หอกด้ามยาวมีสองคม จากเชียงใหม่ให้มาตกในเขตกำแพงเมืองลำพูน โดยให้โอกาส 3 ครั้ง ขุนหลวงมีพลังอาคมกล้าแกร่ง พุ่งเสน้าครั้งแรกก็ตกเกือบถึงกำแพงเมืองลำพูน พระนางวิตกว่าขุนหลวงจะพุ่งเสน้าได้ตามคำท้า จึงเอาชายผ้าถุง มาเย็บซ่อนแอบไว้ในหมวก แล้วนำไปมอบให้ขุนหลวงใส่

ขุนหลวงได้รับหมวกก็ดีใจรีบนำมาสวมหัว พลังอำนาจที่มีอยู่ก็เสื่อมลง พอพุ่งเสน้าครั้งที่ 2 จึงไปไม่ถึงลำพูน สร้างความท้อแท้สิ้นหวังยิ่งนัก การโยนครั้งที่ 3 จึงโยนขึ้นไปบนอากาศ ให้พุ่งกลับลงมาปักอกตนเองเพื่อฆ่าตัวตาย ก่อนสิ้นใจได้ขอให้นำศพของตนไปฝังไว้ ยังที่ๆ สามารถมองเห็นเมืองหริภุญไชยของหญิงผู้เป็นที่รัก และขณะที่นำโลงศพขึ้นดอยไปเพื่อหาที่ฝังนั้น บังเอิญโลงศพได้คว่ำตกลงจากเกวียน ชาวบ้านจึงเรียกดอยนี้ว่า "ดอยม่อนคว่ำหล้อง" โดย “ม่อน” คือเนินเขา ส่วน “หล้อง” คือ โลงศพ แปลรวมกันก็ดอยคว่ำโลงศพ หรือไม่ก็ดอยโลงศพคว่ำ

สวนพฤกษศาสตร์สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ ไม่ได้มีดีแค่ Canopy Walkway พื้นที่ 6,500 ไร่ เต็มไปด้วยพรรณไม้ นานาพรรณ มีอาคารเรือนกระจกขนาดใหญ่ จัดแสดงไม้ป่าดิบชื้น  ป่าดงดิบของเอเซีย โรงเรือนพืชทะเลทราย พรรณไม้น้ำ เฟิน กล้วยไม้ ฯลฯ ขับรถวนไปเที่ยวชมจุดต่างๆ ได้ทั้งวัน ก่อนจะกลับกันไปก็อย่าลืมไปเช็คเอ้าท์แอพฯ ไทยชนะตรงประตูทางออกก่อน ขากลับออกจากป่ามาร้อนๆ แวะพาเด็กๆ เล่นน้ำกันก่อนได้ มีร้านอาหารตั้งอยู่เรียงรายตลอดทางไปน้ำตกแม่สา ปัจจุบันชนพื้นถิ่นแถบนี้พึ่งพาการท่องเที่ยวเป็นหลัก ยังไงก็ขอให้การอนุรักษ์เติบโตควบคู่ไปกับการทำมาหากิน โบยบินไปด้วยกันอย่างยั่งยืนตลอดไป

ไม่มีความคิดเห็น: