2558-01-21

ถอดรหัสตลาดหุ้น # 11 กลวิธี สวนควันปืน เล่นฝืนมวลชน

... ไปพบบทความ ทั้งหมด 17 ตอนในพันทิป กระทู้คุณเจ็ดกระบี่เทวดา .. อ่านแล้วชอบมาก คิดว่าน่าจะมีประโยชน์กับหลายๆท่าน ขออนุญาตนำมาแชร์ต่อครับ ...

ที่มา : ThaiDayTrade , credit : boardthai.net/jadetjomjone

“Beating the Market - by Going Against the Crowd” เป็นหลักการสำคัญของบรรดากองทุนข้ามชาติขนาดยักษ์ ในการกำหนดกลยุทธ์การลงทุน ซึ่งปัจจุบัน เจ้าของบริษัทและรายใหญ่ ก็ไม่น้อยหน้า มีการประยุกต์หลักการนี้มาใช้ในหุ้นรายตัวให้เห็นอย่างต่อเนื่อง

เล่นสวนชาวบ้านซะงั้น ….. ข่าวดี จะขาย ข่าวร้าย จะซื้อ …..

เราจะซื้อ เมื่อ มวลชนล้วนอยากขาย และ เราจะขาย เมื่อ มวลชนล้วนอยากซื้อ

กองทุนต่างชาติขนาดใหญ่เงินทุนหนา ช่วงหลังๆมานี้ เขาใช้กลวิธีนี้กับตลาดหุ้นไทยครับ

ในภาษาอังกฤษ เรียกนักลงทุนกลุ่มนี้ว่า “Contrarian”


โดยทั่วไปแล้ว กลุ่ม Contrarian จำเป็นจะต้องมีเงินลงทุนหนา สายป่านยาว และ มีความอดทน เป็นเลิศที่จะรอคอยการพลิกฟื้นของสถานการณ์

กลุ่ม Contrarian มีความเชื่อว่า นักลงทุนมักจะตื่นตระหนก จนราคาหุ้นร่วงลงมาเกินเหตุ ดังนั้น เมื่อสถานการณ์ดีขึ้น ราคาหุ้นก็ควรจะวิ่งกลับไปสู่มูลค่าที่ควรจะเป็นของกิจการได้ในที่สุด โดยเฉพาะอย่างยิ่ง หากบริษัทนั้น ยังมีฐานะทางการเงินที่ดี มีอัตราการเจริญเติบโตสูง และ มีเงินปันผลจ่ายแก่ผู้ถือหุ้นในอัตราที่สูง ซึ่งเป็นเสมือนเกราะป้องกันพอร์ตชั้นดี จากความเสี่ยงที่อาจจะเกิดขึ้นจากการลงทุน

ปัจจุบัน Contrarian ไม่ได้จำกัดเฉพาะในกลุ่มกองทุนที่มีนโยบายการลงทุนระยะยาวเท่านั้น แต่ได้รับความนิยมในหมู่เฮดจ์ฟันด์ด้วยเช่นกัน ซึ่งจะขอเรียกว่า กองทุนสวนมวลชน แทน ก็แล้วกันนะครับ

เดี๋ยวเราไปดูกัน ว่ากองทุนสวนมวลชน เขาเล่นอะไรกับจิตวิทยามวลชน

เมื่อทุกคนในตลาดหุ้นหมดอาลัยตายอยาก ข่าวร้ายท่วมท้น มีการขายหุ้นกระหน่ำซ้ำเติมลงมา กองทุนสวนมวลชน เขาก็จะไปตั้งซื้อรอที่แนวรับ

เมื่อเขารับ มันก็หยุดไหล นักเก็งกำไรระยะสั้นก็จะเข้ามาซื้อหุ้น

เมื่อหุ้นดีดตัวขึ้นไปเรื่อยๆ จนชนแนวต้านแรก กองทุนสวนมวลชนก็รู้ดีว่าเดี๋ยวจะต้องมีคนมาขายใส่แถวแนวต้าน เพราะข่าวร้ายยังปกคลุมตลาดอยู่ ก็เลยไปตั้งซื้อรอที่แนวต้าน

เมื่อมวลชนขายลงมาเมื่อราคาหุ้นชนแนวต้าน แต่กองทุนสวนมวลชนตั้งซื้อรอ ราคาหุ้นมันก็หยุดไหล จากนั้น กองทุนสวนมวลชนก็จะซื้อผ่านแนวต้านขึ้นไป และเมื่อนักเก็งกำไรระยะสั้นเห็นว่า ผ่านแนวต้านไปได้แล้ว ก็จะเริ่มเข้ามาซื้อหุ้น

เมื่อหุ้นดีดตัวขึ้นไปเรื่อยๆ จนชนแนวต้านถัดไป กองทุนสวนมวลชนก็รู้ดีว่าเดี๋ยวจะต้องมีคนมาขายใส่แถวแนวต้าน เพราะข่าวร้ายยังปกคลุมตลาดอยู่ ก็เลยไปตั้งซื้อรอที่แนวต้านที่สอง เมื่อมวลชนขายหุ้นทิ้งลงมาจนหมดแรงขายแล้ว กองทุนสวนมวลชนก็จะซื้อผ่านแนวต้านที่สองขึ้นไป

แปลกไหมล่ะครับ คนส่วนใหญ่ตั้งซื้อที่แนวรับ ตั้งขายที่แนวต้าน แต่ตานี่มาแปลก ดันตั้งซื้อที่แนวต้าน

เมื่อกลุ่มอื่น ขายหุ้นจนเกลี้ยงแล้ว เมื่อกองทุนสวนมวลชนได้หุ้นครบ ตามจำนวนที่วางแผนไว้แล้ว ก็จะกระชาก ลากให้ผ่านแนวต้าน อย่างรวดเร็ว จนเกิด Buy Signal ตรงนี้นี่เอง ที่เสมือนเป็นการบีบให้กองทุนอื่นและมวลชนที่ไม่มีหุ้นอยู่ในพอร์ตต้องมาไล่ซื้อหุ้นตามขึ้นไปเรื่อยๆ

และเมื่อถึงเวลาที่สถานการณ์ดีขึ้น เมื่อข่าวดีเต็มตลาด สื่อมวลชนและนักวิเคราะห์มองโลกในแง่ดี มีการปรับประมาณการดัชนีขึ้นไป เมื่อนั้นแหละครับ คือจังหวะขายของกองทุนสวนมวลชน

ลีลาในการขาย ก็เป็นไปในทำนองเดียวกันกับการซื้อเลยครับ

เมื่อทุกคนในตลาดหุ้น มองโลกในแง่ดี ข่าวดีเต็มไปหมด กองทุนสวนมวลชน ก็จะขายแล้วล่ะ เพราะต้นทุนตัวเองต่ำกว่าใครเพื่อน แถมยังขายได้ราคาดี ขายได้ปริมาณมากอีกด้วย เพราะอารมณ์ช่วงนี้ มีแต่คนอยากซื้อมากกว่าอยากขาย

เมื่อเขาขายลงมาถึงแนวรับ เขาก็จะหยุดขาย ตรงจุดนี้ มวลชนทั้งตลาดซึ่งรับรู้แต่ข่าวดี ก็กลัวว่าตนจะเสียโอกาส ทุกคนเลยมาตั้งรอซื้อหรือเคาะซื้อขึ้นไป

เมื่อมีออร์เดอร์ซื้อมารออยู่มากมาย ทำไมจะไม่ขายล่ะครับ กองทุนสวนมวลชนดีใจด้วยซ้ำที่มีออร์เดอร์ตั้งเยอะมารอซื้ออยู่

หลังจากที่กองทุนสวนมวลชนทำเช่นนี้ครั้งแล้วครั้งเล่า จนไม่มีใครกล้ามาตั้งซื้ออีก คราวนี้ล่ะ เขาก็จะขายโครมลงมา เพื่อให้หลุดแนวรับ เพื่อให้เกิด Sell Signal ตรงนี้นี่เอง ที่เสมือนเป็นการบีบให้กองทุนอื่นและมวลชนอื่นต้องทำการขายหุ้นทิ้งตามลงมา เพราะขณะนี้ มีแนวโน้มว่า ตลาดหุ้นจะดิ่งลงยาว

เห็นไหมครับ Contrarian เล่นสวนมวลชนตลอด คนส่วนใหญ่ตั้งซื้อที่แนวรับ ตั้งขายที่แนวต้าน แต่ตานี่มาแปลก ดันเจตนาขายให้เสียราคา ขายไปได้จนหลุดแนวรับลงมาเลย

ที่เล่าให้ฟังนี่ ไม่ได้หมายถึงให้ท่านทำตัวฝืนตลาดในฐานะจ่าฝูงนะครับ

ท่านจะเป็นผู้นำในการใช้กลวิธีนี้ไม่ได้

ผู้ที่จะใช้ กลวิธีสวนมวลชนเพื่อบีบให้มวลชนเป็นผู้แพ้ตลอดกาลได้ จะต้องใจเย็น มีสายป่านยาวมาก มีเม็ดเงินลงทุนมหาศาล เมื่อเทียบกับทั้งตลาด และจำเป็นต้องกล้าได้กล้าเสียซะด้วย

ที่เอามาพูดคุยกัน ก็หวังให้ท่านเห็นกลวิธีของเขา และเกาะติดตามเขาให้ทัน จะได้ชนะแบบเขามั่ง

ดังนั้น ถึงแม้จะมีข่าวดีอยู่ บางทีเราก็ต้องเสี่ยงขาย ล็อคกำไรออกมา และ ถึงบางช่วง จะมีข่าวร้ายท่วมตลาด เราก็อาจต้องกัดฟันซื้อ หากตลาดที่เราเล่นอยู่นั้น มีกองทุนสวนมวลชนเป็นเจ้าพ่อตลาดหุ้นอยู่ แต่การซื้อ ต้องเลือกดูหุ้นที่ปัจจัยพื้นฐาน ไม่ได้เปลี่ยนไปในทางที่แย่ลงด้วยนะครับ

ไม่เช่นนั้นแล้ว จะเสียหายใหญ่หลวงอย่างหาสาเหตุมิได้เลยครับท่าน

เมื่อพูดถึง กลวิธี เล่นสวนมวลชนแล้ว ก็อดนึกถึง Mark Mobius ไม่ได้ แกชอบซื้อหุ้นตอนที่ตลาดหุ้นเผชิญหน้าอยู่กับความกลัว

Mark Mobius ราชาแห่งตลาดหุ้นเกิดใหม่ ถือเป็นผู้บุกเบิกการลงทุนในประเทศกำลังพัฒนา หลายครั้งด้วยกัน ที่แกเลือกจังหวะที่จะเข้าไปลงทุน ในช่วงที่ แม้กระทั่งนักท่องเที่ยวและนักธุรกิจต่างประเทศ ยังไม่กล้าแม้แต่จะคิดเข้ามาเที่ยว หรือมาลงทุนเลย

“The Best Time to Invest is when there's Blood Running in the Streets” Mark Mobius พูดประโยคนี้อยู่บ่อยครั้ง หลังจากที่แกพบว่า นี่เป็นจังหวะที่จะทำให้เป็นเจ้าของกิจการได้ด้วยราคาต่ำสุด

Mark Mobius มีความชื่นชอบในตลาดหุ้นเกิดใหม่มากครับ ด้วยเล็งเห็นว่า ตลาดหุ้นเกิดใหม่บางประเทศ มีอัตราการเติบโตสูงและคุ้มค่าความเสี่ยงที่จะเข้าลงทุน

พอร์ตการลงทุนในกองทุนที่เขาบริหารอยู่ ส่วนใหญ่กระจายการลงทุนไปในประเทศเกาหลี จีน ไต้หวัน แอฟริกาใต้ และบราซิล

ในแต่ละปี เขาใช้เวลากว่า 10 เดือนต่อปี ในการเดินทางไปประเทศต่างๆ ทุกภูมิภาคทั่วโลก เพื่อเข้าชมกิจการ เพื่อค้นหาบริษัทที่จะลงทุน โดยไม่คำนึงว่าเป็นประเทศใด เพราะเขาสนใจเฉพาะกิจการที่มีปัจจัยพื้นฐานเยี่ยม และมีบรรษัทภิบาลและความโปร่งใสเท่านั้น

มาถึงตรงนี้ ท่านอาจจะนึกถึงวัน งงๆ ของท่านออก

“น้องค่ะ ทำไมหุ้นมันขึ้นแรงจัง ไหนจะมาตรการ 30% ไหนจะ พรบ.ธุรกิจคนต่างด้าว ไหนจะผลประกอบการตกต่ำ”

“เอ ทำไมมันขึ้นแรงจังครับ ไหนจะปฏิวัติซ้อน ไหนจะมีม็อบหลายกลุ่มมาชุมนุม ไหนจะการเมืองที่ยังไม่นิ่ง”

มาถึงตรงนี้ อยากจะขอเสริมเพิ่มเติมหน่อยนึงครับ ว่าทำไม พวกสวนมวลชนถึงกล้าเสี่ยง หากตัวเองสวนๆซื้อขึ้นไปท่ามกลางข่าวร้ายเต็มตลาด แล้วอยู่ดีๆเกิดเหตุการณ์ช็อคตลาดขึ้นมาอย่างแรง ไม่เจ๊งย่อยยับกลับบ้านเลียแผลเป็นปีหรอกหรือ

เมื่อข่าวร้ายท่วมตลาด ทุกค่ายโบรกเกอร์มองลง กองทุนสวนมวลชนจะเริ่มหาจังหวะเข้าซื้อหุ้นครับ และทุกครั้งที่เข้าซื้อหุ้นในแต่ละระดับของแนวต้านขึ้นไป เขาเองก็ต้องบริหารความเสี่ยงเหมือนกันนะครับ ด้วยการ “Short” ฟิวเจอร์ กันไว้ เผื่อพลาด

เมื่อเขาล็อคระดับราคาขายดัชนีไว้ล่วงหน้าที่ราคานี้แล้ว หากมีเหตุการณ์พลิกผันมาช็อคตลาด อย่างน้อยที่สุด มูลค่ารวมของพอร์ตก็เจ๊า ไม่กำไรไม่ขาดทุน หรือหากขาดทุนก็จะขาดทุนเล็กน้อยครับ เพราะมีกำไรจากการ “Short” ฟิวเจอร์ มาช่วยชดเชยผลขาดทุนในพอร์ตหุ้น

พอจะตอบคำถามที่ค้างคาใจทุกท่านได้บ้างแล้วนะครับ ว่า ทำไม เวลาข่าวร้ายท่วมตลาด หุ้นกลับขึ้นหน้าตาเฉย แต่พอข่าวดีเต็มไปหมด หุ้นกลับถูกนำมาขายลดราคา

Contrarian เขาจะหาโอกาสในทุกวิกฤติครับ

จึงไม่แปลกเลย ถ้าบางครั้งเราอาจจะต้องซื้อตามกระแสเงินที่เข้ามาผลักดันราคาจนหุ้นขึ้น แม้เปิดทีวี หนังสือพิมพ์ จะเจอแต่ข่าว สถานการณ์การเมืองตึงเครียด การเผชิญหน้ากันทางการเมือง สงคราม การจลาจล ฯลฯ

ขณะเดียวกัน บางครั้งเราอาจจะต้องขาย ทั้งๆที่ มองไปทางไหนก็เจอแต่ข่าวดี

จะว่าไป กลวิธีนี้ ก็คล้ายๆกับกลยุทธ์ทางการทหารเลยนะเนี่ยะ

ใช้เครื่องบินรบไล่ยิงภาคพื้นดินแบบปูพรม แล้วแอบนำ นาวิกโยธิน ยกพลขึ้นบก อย่างเงียบๆ ตามด้วย เหล่าทหารกล้า บุกประชิด ศูนย์บัญชาการ ก่อนจะปักธง ประกาศชัย เหนือข้าศึก

ไม่มีความคิดเห็น: