... ไปพบบทความ ทั้งหมด 17 ตอนในพันทิป กระทู้คุณเจ็ดกระบี่เทวดา .. อ่านแล้วชอบมาก คิดว่าน่าจะมีประโยชน์กับหลายๆท่าน ขออนุญาตนำมาแชร์ต่อครับ ...
ถอดรหัสตลาดหุ้น 8 ขายหมูดีกว่าขายหมา น้ำลายหกดีกว่าน้ำตาตก
ที่มา : ThaiDayTrade, credit : boardthai.net/jadetjomjone
ครั้งแรกที่ได้ยิน เสี่ย “ย.” พูด “วิธีแรกที่จะประสบความสำเร็จในตลาดหุ้น คือ อย่าทำให้ตัวเองขาดทุน” …… ขำกลิ้งเลย ….. บ้าเหรอ ใครล่ะ ทำให้ตัวเองขาดทุน ใครๆก็ไม่อยากขาดทุนกันทั้งนั้นแหละ ขำอ่ะ
จนกระทั่งวันหนึ่ง ขณะที่นั่งสมองกลวงๆ เซียนต้น นักลงทุนรุ่นเยาว์ เศรษฐีหุ้นอายุ 29 มันก็ถามขึ้นมาว่า “พี่ๆ พี่ว่าคนเล่นหุ้นเจ๊ง กับ คนเล่นหุ้นกำไร แบบไหนมีมากกว่ากัน” เราก็ได้ยินแต่ใครๆบ่นว่าเจ๊งๆ ก็เลยตอบว่า “คนเล่นเจ๊ง ซิ น่าจะมากกว่า”
เจ้าต้นยิงคำถามใส่กบในกะลาอย่างผมต่อว่า “รู้ไม๊ ทำไม คนเล่นหุ้นเจ๊ง มีมากกว่า” ตายละซิ ไม่รู้แหะ
แค่คิด ยังไม่ทันจะตอบ เจ้าต้นก็เปิดโปรแกรม Excel โชว์ผลกำไรเป็นเท่าตัวของเขาให้เราอิจฉาเล่น แล้วพูดอย่างมีความสุขและภูมิใจว่า
“พี่ เห็นไม๊ นี่ไง หุ้นที่ต้นถืออยู่ มันปีนเส้นค่าเฉลี่ยมาตลอด แล้วต้นจะขายทำไม ต้นก็ปล่อยกำไรวิ่งไปเรื่อยๆซิ คนส่วนใหญ่นะพี่ พอมีกำไรนิดหน่อยก็ดีใจ ขายกันแล้ว กลัวหุ้นลง แต่แปลกนะพี่ ถ้าหุ้นที่ซื้อแล้วดิ่งลง ดิ่งลง กลับถือได้ทนดีจัง ของต้นนะ หลุดเส้นนี้ลงมาปุ๊ป ก็ขายทิ้ง”
เซียนต้นสอนผม ทำให้ผมเข้าใจ กลยุทธ์ “อย่าขาดทุน” ของ เสี่ย “ย.” ขึ้นมาในทันที แหม โง่อยู่ได้ตั้งนาน
เวลาหุ้นร่วง คนส่วนใหญ่ก็เอาแต่นั่งกอดหุ้น เพราะความกลัวว่าขายแล้วจะขาดทุน ได้แต่นั่งเฝ้ามองหุ้นตัวเองต่ำลง ต่ำลง จน เครียด
หลังจากหุ้นตกไปพอสมควรแล้ว เวลามันดีดกลับขึ้นมา กี่รอบกี่รอบ ก็ไม่เห็นถึงทุนซะที ขณะที่เจ้าต้นเลือกที่จะเสี่ยงขายไปก่อน
“ก็ในเมื่อหุ้นมันจะลง จะไปพะวงเรื่องกำไรอยู่ทำไมล่ะพี่ เดี๋ยวลงสุดแล้ว ต้นกลับไปซื้อคืนใหม่ก็ยังทัน” นี่ ดูความคิดของเซียนต้น นักลงทุนรุ่นเยาว์ เศรษฐีหุ้นอายุ 29 ดูซิครับ ทำไมมันช่างต่างจากคนกลุ่มใหญ่ที่กลัวการขาดทุนจนทุนขาดไปหมดพอร์ตแล้ว ขนาดนี้
ในขณะที่คนกลุ่มใหญ่ นั่งเฝ้าหน้าจอ รอความหวังที่จะขายทิ้งไปในราคาต้นทุน วันแล้ววันเล่า เจ้าต้นกลับสนุกสนานในการซื้อคืน ขายทิ้ง ซื้อคืน ขายทิ้ง ไม่รู้กี่รอบต่อกี่รอบ
เท่าที่ได้ไปสัมภาษณ์พูดคุยกับเซียนหุ้นมา ทุกท่านมีความเห็นตรงกันเป็นเอกฉันท์ครับ
“เวลาหุ้นมีแนวโน้มลง ผมจะขายทิ้งทันที”
“ขายเพื่อไม่ให้กำไรที่อยู่ในพอร์ตกลับไปเป็นขาดทุน”
“ขายแล้วจะขึ้น ก็ไม่เป็นไร ดีกว่ามานั่งเสียใจในภายหลังที่ต้องกลับมาขาดทุน”
อ้อ อย่างงี้นี้เอง เล่นหุ้นร่ำรวยเรื้อรัง ก็เสี่ยทั้งหลายรับมาแต่กำไร ไม่ยอมกลับไปเป็นขาดทุนนี่เอง
เรื่องนี้ ป๋าบุญ ขยายความเพิ่มเติมให้ฟัง
“ในการเล่นหุ้นนั้น ถ้าซื้อแล้ว ถูกทาง ก็ปล่อยมันวิ่ง และทิ้งทันที ถ้ามีแนวโน้มลง ห้ามคิดเด็ดขาดว่ากำไรเพิ่งนิดเดียวเองยังไม่ขายหรอก อย่าไปคิดว่า เมื่อเช้ายังเห็นราคาเท่านี้เท่านี้อยู่เลย ลองวางขายที่ราคานั้นอีกทีซิ เผื่อฟลุ๊ค ถ้ามันมีแนวโน้มร่วงลง ต้องเอาเงินออกมาก่อน อย่ายอมขาดทุน”
ปัญหาในขณะนี้คือ แล้วถ้ามันวิ่งขึ้นๆๆ เราจะขายราคาไหนดี
เซียนหุ้นหลายท่านตอบตรงกันยังกะนัดกันมา “ก็ขายเมื่อเจอตอนะสิ”
อ้าว แล้วตอนั้น สำคัญไฉน
มวลชนมักลังเลที่จะขายเสมอเลยครับ เมื่อเห็นโวลุ่มทะลักเข้าคึกคัก
แต่หลังจากที่ผมได้ยินจากเสี่ยๆทั้งหลายว่า เจอตอ ให้ขาย ผมเลยลองๆสังเกตดู และในที่สุดก็เข้าใจความหมายของตอ
สมมุติตัวเลขแล้วกัน สมมุติ ท่านซื้อหุ้นตัวหนึ่งที่ราคา 8 บาท จากนั้น ท่านสังเกตเห็นโวลุ่มเข้ามาต่อเนื่อง พร้อมกับการค่อยๆขยับขึ้นทีละเล็กทีละน้อย จนปิดตลาดที่ราคา 8.40 บาทได้ แบบนี้ยังโล่งครับ ปล่อยกำไรมันวิ่งไปเถอะ
พอวันรุ่งขึ้น นักวิเคราะห์เชียร์ หุ้นก็ดีดดีจัง โวลุ่มเข้ามามากกว่าเมื่อวานอีก ราคาก็ขยับขึ้นแรง จนกระทั่งไปถึง 9 บาทได้ในที่สุด วันนั้น โวลุ่มก็เข้า ราคาก็วิ่งขึ้น แบบนี้ ไม่มีตอครับ
อีกวันถัดมา โวลุ่มเข้ามาแรงเลย นักวิเคราะห์เชียร์อีก ให้คำแนะนำซื้อ ราคาเป้าหมาย 12 บาท เพราะมันดีอย่างนี้อย่างโน้นอย่างนั้น ปรากฏว่า หุ้นคึกกว่าเก่า โวลุ่มมาจากไหนไม่รู้มหาศาล และราคาก็ทะยานแบบทำท่าจะกู่ไม่กลับ แต่แล้วพอถึงราคา 9.70 บาท ราคามันชักจะไม่ค่อยวิ่งขึ้นตามโวลุ่มที่ทะลักเข้ามา หย่อนลงมาได้นิดนึง มีโวลุ่มเข้ามาอีก แต่ก็ไม่ผ่าน 9.70 บาทซะที เรียกง่ายๆก็คือ หุ้นไม่สามารถทำจุดสูงสุดใหม่ได้ แม้ช่วงเย็นของวันก็แล้ว โวลุ่มซื้อยังคงมีมากมายต่อเนื่อง แต่ราคาก็ยังไม่ผ่าน 9.70 บาทเหมือนเดิม
แบบนี้ให้สันนิษฐานไว้ก่อนนะครับ ว่าเจอตอเข้าให้แล้ว
ถึงหุ้นจะคึก ถึงจะมีแรงเชียร์ซื้อ ถึงมีความเสี่ยงที่ขายไปแล้วจะขึ้น อย่างนี้ก็น่าขายหมูออกไปก่อนครับ เพราะท่านกำลังเจอตอ ท่านกำลังเจอรายใหญ่วางขายอยู่ที่ราคา 9.70 ไม่จบไม่สิ้น
เมื่อทุกคนเห็นว่า 9.70 บาท ไม่ผ่าน เมื่อรายใหญ่เห็นว่า ที่ 9.70 ไม่มีใครเคาะซื้อแล้ว มีโอกาสที่แรงขายหนักๆจะตามมา
ผมพบเห็นมามากเลยนะ ผู้คนในห้องค้าที่ไม่กล้าจะขาย ทั้งๆที่เจอตอ เหตุผลง่ายๆที่ได้ยินมาก็คือ
“ไม่ขายล่ะ กลัวขายแล้วมันขึ้น”
“ไม่ขายหรอก ราคาพื้นฐานมันอยู่ที่ 12 บาท”
“จะรีบขายไปทำไมค่ะ เห็นเขาบอกว่า มันดีอย่างนี้อย่างนั้นอย่างโน้น”
อันนี้ก็ไม่แปลกนะครับที่จะไม่ขาย เพราะท่านอาจจะเป็นผู้ยอมรับความเสี่ยงได้สูงก็ได้ ท่านจึงต้องการลุ้นให้ผ่านตอนี้ไปให้ได้ก่อน
แต่ที่แปลกใจก็คือ ผมเห็นผู้คนในห้องค้าจำนวนมากเลย ที่ปล่อยให้กำไรจำนวนมากมาย กลายเป็นขาดทุนได้ด้วย เดี๋ยวไปดูกัน ว่าท่านเหล่านั้นมีเทคนิควิธีทำกำไรให้เป็นขาดทุนอย่างง่ายๆได้อย่างไร
ในช่วงต้นๆ ที่หุ้นมันไม่ผ่านด่านราคานั้นไป พี่ป้าน้าอาในห้องค้า ก็ตั้งลุ้นที่ราคาสูงสุดของวัน หวังฟลุ๊ค ฮั่นแน๊ะ เจอตอแล้วยังหวังจะขายที่ราคาสูงสุดของวันอีก
พอรายใหญ่รู้ตัวว่าเจอตอ เขาก็เริ่มขายทิ้งแล้วล่ะสิ พี่ป้าน้าอา เห็นว่าหุ้นลงซะ ก็ยอมลดราคาขายลงมานิ๊ดนึง ไม่ขายที่ราคาสูงสุดก็ได้
พอรายใหญ่แย่งกันทิ้งหุ้น คราวนี้ หุ้นก็ดิ่งลงเร็วเลยล่ะครับ แทนที่ ผู้คนในห้องค้าจะรีบเอาเงินต้นออกมาก่อน ส่วนใหญ่กลับไปวิ่งหาข่าว หาเหตุผล ว่าหุ้นลงเพราะอะไร
ถามหน่อยเหอะ เวลาเลือดไหลออกมากๆ ทำไงครับ
ห้ามเลือดในทันที ก่อนที่จะตาย หรือ ต้องหาสาเหตุให้ได้ ว่า ทำไมถึงไหล ใครแทง แทงโดนเส้นเลือดใหญ่หรือเส้นเลือดฝอย แล้วนี่เลือดจะหยุดไหลหรือยัง เลือดจะไหลอีกนานไม๊ ใคร อะไร ที่ไหน อย่างไร ทำไม แบบไหน ….. และอื่นๆอีกมากมาย หลากหลายคำถาม ฯลฯ ก่อนจะหาคำตอบได้ ไม่ตายไปก่อนแล้วรึ
นี่ก็เหมือนกันครับ หุ้นดิ่งลง มัวแต่หาสาเหตุ ไปๆมาๆ ตกเย็นวันนั้น ขาดทุนจนได้ พอขาดทุนก็ยากแล้วล่ะที่จะทำใจขายหุ้นออกมา เพราะเห็นๆอยู่ว่าเมื่อกี้นี้ยังกำไรอยู่เลย
หลังจากนั้นไม่นาน ก็เข้าสู่เทศกาลปรับฐาน หุ้นแต่ละตัวต่ำเตี้ยสาละวัน
หนึ่งเดือนผ่านไป ไวเหมือนโกหก หุ้นที่เราๆท่านๆถืออยู่ ร่วงมาให้ขาดทุนไปแล้วถึง 50% ซึ่งหมายความว่า ถ้าจะขอแค่คืนทุน หุ้นตัวนั้น ต้องดีดมา 100% เลยนะ มันคงไม่เกิดขึ้นบ่อยหรอกครับ และไม่รู้ด้วยว่าจะใช้เวลานานแค่ไหน กว่ามันจะกลับขึ้นไปเพียงเท่าทุน
ผู้ที่ประสบความสำเร็จ เขาอยู่กับปัจจุบันครับ ไม่ได้อยู่ด้วยการคาดหวังเลื่อนลอย
ต่อให้รวยแค่ไหน เงินเราก็ถือว่า ช่างเล็กน้อยเหลือเกิน เมื่อเทียบกับปริมาณเงินทั้งตลาด
เซียนหุ้นตัวจริงถึงกล่าวอยู่เสมอว่า “ให้ว่าไปตามภาวะตลาด น้ำเชี่ยวอย่าเอาเรือไปขวาง”
ถ้าไม่มั่นใจว่ามันจะไปได้ต่อ ล็อคกำไรออกมาก่อนครับ ภาษิตสำนวนฝรั่งว่าไว้ “When In Doubt, Stay out!” …… หากมีลางสังหรณ์ไม่ดี หรือเจอตอ ต้องเผ่นก่อนเป็นดี
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น