2553-04-18

กินข้าวห้าง Holiday Plaza แวะถ่ายรูปหน้า Window of the world (เซินเจิ้น ตอนที่ 9)

(ตอนที่ 6) (ตอนที่ 7) (ตอนที่ 8) (ตอนที่ 10) (ตอนที่ 11) (ตอนที่ 12)
3 เมษายน 2553 เวลา 20.00 น.

รถไฟใต้ดินพาเรามาโผล่ใต้ห้างสรรพสินค้า Holiday Plaza ติดกับโรงแรม Westin ห้างนี้เป็นห้างหรูสินค้าส่วนมากเป็นสินค้าแบรนด์เนม ณ จุดนี้เรามองเห็น Window of the world อยู่ฝั่งตรงข้าม ทีมงานต้องเดินมุดลงใต้ดินอีกครั้ง ลอดลง subway ไปโผล่ยังอีกฝั่งหนึ่ง แล้วเราก็ได้พบกับสถานที่อโคจรอีกแห่งหนึ่ง ซึ่งไม่บอกก็ไม่ทราบได้ว่านี่คือแผ่นดินจีน สิ่งปลูกสร้าง ร้านอาหาร ผับบาร์ โรงแรมที่พัก รวมทั้ง ลานสเกตน้ำแข็ง การตกแต่งสถานที่และสีสันโดยรอบถูกเนรมิตตามกลิ่นอายตะวันตกแทบทั้งหมด

ทีมงานถือโอกาสระหว่างนั่งรอการติดต่อทางโทรศัพท์กับเพื่อนชาวจีน เดินดื่มด่ำกับบรรยากาศโดยรอบ ทั้งนี้เนื่องจาก เรายังไม่คุ้นเคยกับระบบโทรศัพท์ของประเทศจีน โดยเบอร์โทรศัพท์ประเทศจีนที่เรามีทั้งหมด 3 เบอร์ ซื้อต่างสถานที่และเวลา โทรหากันได้ แต่โทรออกหาคนจีนในประเทศจีนได้บ้างไม่ได้บ้าง แต่จากเมืองไทยโทรเข้าได้ (โทรจากเมืองไทย นาทีละ 4 บาท) โทรกลับเมืองไทยได้ โดยซิมการ์ดราคา 100 กว่าหยวน ก็โทรได้เรื่อยๆ ไม่เห็นเงินหมดกันสักที สรุปน่าจะเป็นเรื่องของโปรโมชั่น เวลา หรือสถานที่จดทะเบียน ก็ไม่อาจทราบได้

ครู่เดียวเราก็ได้พบกับเพื่อนชาวจีนที่นัดไว้ เราเรียกชื่อเธอเป็นภาษาไทยง่ายๆ ว่า คุณปวีณา โดยคุณปวีณาเป็นพนักงานบริษัทแห่งหนึ่งในเซินเจิ้น เป็นบริษัทส่งสินค้าที่ติดต่อค้าขายกับบริษัทในประเทศไทยอยู่เป็นประจำ สามารถพูดภาษาไทยได้คล่องแคล่ว คุณปวีณาได้พาเดินเที่ยวและถ่ายภาพบริเวณด้านหน้า Window of the world เมืองจำลองและสวนสนุกขนาดใหญ่ที่มีชื่อเสียงในย่านนี้ ซึ่งในเวลานี้ได้ปิดทำการแล้ว แต่บริเวณด้านหน้ายังมีแสงสีตกแต่งอย่างอลังการงานสร้าง หลังจากนั้นเราจึงได้ลอด subway เดินกลับมายังห้างสรรพสินค้าฝั่งตรงข้าม เพื่อหาอะไรรองท้องสำหรับเย็นนี้กัน

ห้างสรรพสินค้าแห่งนี้ปิดเวลา 22.00 น. เรามีเวลาไม่ถึงชั่วโมงในการหาอาหารเย็นทาน ทีมงานจึงเลือกร้านที่ใกล้ที่สุด ตรงจากประตูห้างฯ เจอลานสเกตน้ำแข็ง เราก็แวะฝากท้องร้านแรกที่หน้าลานสเกตน้ำแข็งในห้างนั้นเอง Café de coral ซึ่งต้องขอบคุณ คุณปวีณา ที่แม้ว่าเราจะมาในเวลาใกล้ห้างปิด อาหารบางอย่างใกล้หมด แต่คุณปวีณาก็ช่วยอธิบายชนิดและประเภทของอาหารต่างๆ ให้ทีมงานได้ทานอาหารตามที่ต้องการตรงตามประสงค์ที่สุด หลังจากที่มื้อเย็นวาน หนึ่งในทีมงานชี้ที่รูปภาพก๋วยเตี๋ยวไก่แล้วได้ทานก๋วยเตี๋ยวเป็ดพะโล้แทนมาแล้ว

แม้ Café de coral จะเป็นร้านแนวฟาสฟู๊ดสไตล์ตะวันตก มีตั้งแต่อาหารชุดจนถึงสเต็ก แต่เราก็พบว่า ถ้าเราสั่งน้ำเปล่า เราจะได้น้ำร้อนอุ่นๆ ต้องสั่งโค้กถึงจะมีน้ำแข็งใส่ให้ ซึ่งเพื่อนชาวจีนท่านนี้เองที่ได้อธิบายถึงวัฒนธรรมการกินอยู่ของชาวจีนเกี่ยวกับการทานน้ำให้เราทราบ น่าเสียดายที่เวลามีน้อย ร้านรวง ลานสเกตปิดกันหมดแล้ว เรารีบเช็คบิลก่อนประตูห้างจะปิด สนนราคามื้อนี้ เต็มอิ่ม 6 คน (มีสั่งเบิ้ลมาแบ่งกันชิมด้วย) เพียง 176 หยวน เท่านั้น ต่อจากนั้นคุณปวีณาได้ไปส่งทีมงานที่สถานีรถไฟฟ้าใต้ดิน โดยที่พักคุณปวีณาต้องแยกไปอีกเส้นทางหนึ่ง

ดูเหมือนค่ำคืนนี้จะจบลงอย่างง่ายดายเพียงนั่งรถไฟฟ้ากลับที่พัก ...
แต่สำหรับทีมงาน 5 หนุ่มนักเดินทน ยังคงเริงร่าเกินกว่าคืนนี้จะง่วงนอน ...
... เรื่องราวจะเป็นอย่างไร โปรดติดตามชมตอนต่อไป ...
(ตอนที่ 6) (ตอนที่ 7) (ตอนที่ 8) (ตอนที่ 10) (ตอนที่ 11) (ตอนที่ 12)

ไม่มีความคิดเห็น: