2553-04-10

ลุยฝนเดินช็อปฯ ตลาดค้าส่งของก็อปฯ เทคโนโลยี (เซินเจิ้น ตอนที่ 6)

(ตอนที่ 3) (ตอนที่ 4) (ตอนที่ 5) (ตอนที่ 7) (ตอนที่ 8) (ตอนที่ 9)
2 เมษายน 2553 เวลา 17.00 น.

น้ำตาฟ้าเริ่มโปรยปราย สายลมพัดโกรก เซินเจิ้น เป็นเมืองท่าติดทะเล แต่ละระลอกที่ลมพัดกรรโชกมา ทำให้ทีมงานต้องกอดอกกัดฟันเดินฝ่าสายลมสายฝนอันหนาวเย็น เดินตะลุยทุกห้างในย่านนี้ โดยไม่ลืมที่จะใช้เวลากับห้างขายส่งตลาดสินค้าเทคโนโลยีแห่งเซินเจิ้น เป็นตึก 8 ชั้น แต่ละชั้นมีร้านคล้ายๆ พันทิพย์ประมาณ 300 ร้านต่อหนึ่งชั้น และ 2 ใน 5 ของทีมเดินทน มีอาชีพที่เกี่ยวเนื่องกับคอมพิวเตอร์และการวางระบบคอมพิวเตอร์โดยตรง เราจึงใช้เวลากับห้างนี้เป็นพิเศษ รองลงมาเห็นจะเป็นโทรศัพท์มือถือ ที่กลาดเกลื่อนแทบทุกห้างทุกชั้น iPhone ราคาตั้งแต่ 200 - 500 หยวน BB ตกอยู่ราว 400 หยวน ราคาไม่หนีกับ VERTU มือถือสุดหรู

เนื่องจากเป็นร้านขายส่ง ทุกครั้งที่เราถามว่า “ตั้ว ส่าว” หรือ How much มักได้คำตอบว่า How many เพราะเป็นร้านขายส่ง แฟลชไดรฟ์ ขายทีละแผง แผงละ 12 อัน เอาไปหักเสียบตุ๊กตุ่นตุ๊กตา หรือแพคเกจอื่นๆ ได้เลย 8 GB คิดเป็นเงินไทยเฉลี่ยอันละ 100 บาท แต่ต้องซื้อยกแผงนะ และถ้าซื้อยกกล่องถูกลงกว่านี้นะ จะบอกให้ แต่ถ้าขายอันเดียวราคาก็ไม่หนีร้านรวงทั่วไปแถบนี้ ชอบแพคเกจแต่อยากเพิ่ม GB วัยรุ่นใช้คีมคีบออกมา เอา 16 หรือ 32 GB ใส่ให้ได้ทันที ราคา 20 – 30 หยวนเท่านั้น ... แผ่นผีไม่ต้องพูดถึง มีศิลปินให้เลือกทั่วโลก จะเอาทีละกี่ร้อยแผ่นสั่งได้เลย  ส่วนโน๊ตบุ๊ครุ่นใหม่มือหนึ่ง ราคาราว 1,000 - 2,000 หยวน ถ้ามือสองหรือของเลียนแบบชนิดเหมือนจริง ก็ 1,000 กว่าหยวน คิดเป็นเงินไทย 5 - 6 พันบาท

ช่วงรอเพื่อนๆ ต่อราคาสินค้า ฝนเริ่มตกหนักมากขึ้น อากาศเริ่มเย็นมากขึ้น และสิ่งที่เราได้ค้นพบคือ คนจีน ขายของได้เสมอ พอฝนตก ใกล้จะตก หรือตกปรอยๆ จะมีคนเดินมาขายร่มราคาถูกเยอะแยะมากมาย พอฝนตกหนักเข้าจริงๆ ร่มชนิดเดียวกันก็จะมีราคาแพงขึ้น และหลังจากฝนหยุด ทีมขายร่มก็อันตรธานหายไป กลายเป็นทีมขายถุงพลาสติกและสก็อตเทป เพื่อนำไปห่อสินค้า หรือรองเท้า นับเป็นสุดยอดของนักขายของโลกโดยแท้จริง ทว่าทีมงานเราไม่ได้ซื้อสินค้ามากมาย เราเพียงได้ตัวอย่างสินค้า นามบัตร เบอร์โทรศัพท์และ E-mail ก็มากเพียงพอ จึงไม่ได้ใช้บริการ แต่ ณ เวลานี้ 20.00 เราเริ่มหิวกันแล้ว

ทีมงานตัดสินใจฝากท้องกับร้านก๋วยเตี๋ยวแห่งหนึ่ง สนนราคา 5 ชาม 100 หยวนพอดี ไม่มีน้ำเสริพเช่นเคย รสชาติอร่อยมาก ขาดแต่ไม่มีเครื่องปรุงจำพวกพริกป่น น้ำส้มสายชู น้ำปลา ฯลฯ มีเป็นซอสสองแบบ เปรี้ยวกับหวาน ส่วนปริมาณไม่ต้องพูดถึง แทบจะอิ่มไปสามวัน น้องชายพนักงานเสริพขี้เล่น อารมณ์ดี ประมาณว่าไม่กลัวกล้อง หรือชินกับนักท่องเที่ยวแล้ว และหลังจากอิ่มหมีพีมัน ทีมงานก็มุ่งมั่นเดินช็อปปิ้งต่อไปโดยไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย

แสงสีตามห้างว่ายั่วยวนใจ ยังไม่เท่าแสงไฟยามราตรีที่หลอกพาเราเดินไปเรื่อยๆ จนมาเจอสถานีรถไฟฟ้าใต้ดิน เที่ยวนี้เรานั่งกลับตงเหมินแค่ 5 หยวน หลังจากนั้น ทีมงานตัดสินใจเดินย้อนไปยังถนนสายที่ไม่เคยไป เป็นย่านไฮโซตามถนนหวงเป่ยหลิง มีโรงแรมใหญ่โตมากมาย จะเห็นได้ว่ามีชาวต่างชาติหนาตามากขึ้น เริ่มได้ยินภาษาอังกฤษมากขึ้น หลังจากเดินมาจนเหนื่อย เราจึงตัดสินใจแวะพักซื้อเครื่องดื่มเติมพลังพอหอมปากหอมคอจากร้านสะดวกซื้อ (ไม่รู้ CPALL จะได้ผลประโยชน์หรือเปล่า ซื้อจาก 7/11 ในเมืองจีน) แล้วก็มีหญิงชาวจีนคนหนึ่ง เดินดุ่มๆ มาถามเราว่า “วันฟัคเคอร์ โฟว์ฮันเดรด โอเคร๊”

5 หนุ่มจากเมืองไทย จะตัดสินใจอย่างไร
... โปรดติดตามตอนต่อไป ...
(ตอนที่ 3) (ตอนที่ 4) (ตอนที่ 5) (ตอนที่ 7) (ตอนที่ 8) (ตอนที่ 9)

ไม่มีความคิดเห็น: