3 เมษายน 2553 เวลา 22.30 น.
รถไฟฟ้าใต้ดิน วิ่งพา 5 หนุ่มน้อยจากเมืองไทย ทะยานไปด้วยความเร็วสูง ขากลับนี้ค่อนข้างใช้เวลา เราต้องนั่งผ่านราว 10 สถานี ถึงจะกลับไปถึงย่านตงเหมิน เนื่องจากเที่ยวเช้าเราโดยสารมา 2 สถานี และเที่ยวบ่ายนั่งต่อมาอีก 8 สถานี และ ณ ยามดึกยามนี้ ผู้โดยสารค่อนข้างโล่ง นับเป็นครั้งแรกที่เราได้นั่งพูดคุยกัน จากปกติต้องยืนเบียดเสียดกันแน่นขนัด ซึ่งประจวบเหมาะพอดีที่แข้งขาของทีมงานทุกคนเริ่มแสดงอาการเหนื่อยล้าปวดระบมกันหมดแล้ว
ร้านนวดแผนจีนอยู่ไม่ไกลจากสถานีที่เราเลือกลงนัก ทว่า ทีมงานพลาดไปนิดที่ลืมดูว่า ร้านนี้ปิด 23.00 น. ข่าวร้ายต่อมาเริ่มย่างกรายมา รถไฟฟ้าเที่ยวนี้คือเที่ยวสุดท้ายซึ่งจะปิดให้บริการในเวลา 23.00 น. เช่นเดียวกัน นอกจาก Taxi แล้ว เราไม่มีทางเลือกอื่นที่จะกลับบ้านได้ แต่เนื่องจากย่านแห่งนี้คือย่านไฮโซของเมือง ร้านรวงทั้งหลายยังไม่ยอมหลับใหล ทีมงานเดินทนจากไทย จึงต้องไว้ลายลากแข้งขาอันเหนื่อยล้า เดินชื่นชมแสงสียามราตรีเมืองเซินเจิ้นอันสวยงาม

สิ่งที่น่าเจ็บใจยิ่งไปกว่านั้นคือ ทันทีที่ลากสังขารอันอิดโรยมายังตึกที่เราพักอยู่ มีพนักงานมายืนแจกแผ่นพับโฆษณาว่าบนชั้นที่ 5 ตึกนี้เอง มีร้านนวดแผนจีนเปิดอยู่ ราคาถูกกว่าร้านที่เราพยายามจะไปเกือบเท่าตัว สนน ราคานวดสปาเท้า (Foot Spa Massage) 68 หยวน แต่โบรชัวร์อีกใบบอกเราว่า จากที่พักห่างไปช่วงตึกเดียวมีร้านนวดแผนจีนอยู่เช่นกัน แต่ราคาถูกกว่า เราไม่ลังเลที่จะพุ่งตรงไปอีกร้านหนึ่ง โดยทดลองนวดจีน (Chinese Massage) ในราคา 58 หยวน และนวดสปาเท้า ในราคา 48 หยวน ทีมงานเดินทนใช้เวลาอยู่ที่ร้านนวดแผนจีนราว 1.30 ชั่วโมง ก่อนจะสบายเนื้อสบายตัวกลับไปนอนฝันดี 03.00 น.
หลังจากผ่อนคลายกล้ามเนื้อ เป็นที่พอหอมปากหอมคอกันแล้ว
วันพรุ่งนี้ ทีมงานเดินทนจะเป็นอย่างไร โปรดติดตามตอนต่อไป ...
(ตอนที่ 7) (ตอนที่ 8) (ตอนที่ 9) (ตอนที่ 11) (ตอนที่ 12) (ตอนที่ 13)
(ตอนที่ 7) (ตอนที่ 8) (ตอนที่ 9) (ตอนที่ 11) (ตอนที่ 12) (ตอนที่ 13)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น