2555-07-22

อุทยานแห่งชาติออบขาน ต.น้ำแพร่ อ. หางดง จ. เชียงใหม่


“น้ำ” คือปัจจัยสำคัญของสิ่งมีชีวิตทั้งหลายบนโลก ทรัพยากรน้ำเป็นทรัพยากรอันมีค่า สามารถเปลี่ยนตนเองได้หลายสถานะ ไม่ว่าจะเป็นน้ำ ไอน้ำ น้ำแข็ง หิมะ เหมยขาบหรือแม้แต่ลูกเห็บ น้ำเป็นตัวทำละลายที่ดี และมีพลังสูงส่ง ทั้งด้านปริมาณและด้านความถี่ของการไหล หนึ่งในพลังหลากหลายของน้ำ นอกจากจะสามารถทำลายทุกสรรพสิ่งที่ขวางกั้นได้แล้ว น้ำยังได้หยิบยื่นเติมเต็มความสวยงามให้แก่โลกมากมาย


 ช่วงเดือนก่อนได้ยินข่าว ปิดอุทยานแห่งชาติออบขาน เนื่องจากน้ำป่าไหลหลาก เจ้าหน้าที่กู้ภัยต้องนำอุปกรณ์ชนิดจัดเต็ม เข้าให้ความช่วยเหลือนักท่องเที่ยวที่ติดอยู่อีกฝั่งน้ำขาน ทำให้หวนคิดถึงเมื่อสักปีสองปีก่อน ที่ได้มีโอกาสปั่นจักรยานลุยสายฝนไปซาบซึ้งกับโตรกธารอันวิจิตรพิสดารของอุทยานแห่งชาติออบขาน วันหยุดสัปดาห์ก่อน ฝนไม่ตก แดดไม่ออก จึงได้ฤกษ์ดีที่จะได้พาจักรยานคู่ชีพ ไปเยี่ยมชมออบขานวันนี้เสียที


จากถนนเลียบคันคลองชลประทานไปทางอำเภอหางดงประมาณ 15 กิโลเมตร จะเจอทางแยกป้ายบอกทางให้เลี้ยวขวาข้ามคลองชลประทานไปตามถนน รพช.น้ำแพร่-ออบขาน ป้ายก็มีบอกอีกเป็นระยะเช่นกัน โดยมากจะเป็นอีก 6 กิโลเมตรตลอด ไม่เข้าใจเหมือนกัน แต่โดยรวมๆ ดูจากมิเตอร์ จากแยกตลาดต้นพยอมถึงอุทยานแห่งชาติออบขาน ใช้ระยะทางประมาณ 28 กิโลเมตร ก็ถึงที่ทำการอุทยานแห่งชาติ ออบขาน

ออบขานครานี้ ถนนลาดยางไปจนเกือบถึงที่ทำการ ต่างจากคราวก่อนต้องลุยโคลนกันตั้งแต่ปากทางด่านตรวจแรก แต่ความสูงชัน ขึ้นๆ ลงๆ และสภาพป่าเบญจพรรณ ก็ยังคงสร้างความสนุกสุขสรรค์ให้แก่ผู้ชื่นชอบการปั่นจักรยานเสือภูเขาอยู่ใช่น้อย เพราะก็มีป้ายคอยเตือนสติเป็นระยะ ทั้งระวังทางโค้งอันตราย ระวังหน้าผา ระวังทางแคบ ระวังหินหล่น ฯลฯ

ไหนๆ ก็มาถึงแล้ว อ่านดูป้าย เค้าว่าคำว่า "ออบ" เป็นคำเมืองเหนือ หมายถึงชะง่อนผา หรือโกรกธาร ที่เกิดจากการไหลกัดเซาะของกระแสน้ำ โดยส่วนตัวแล้วผมก็คนเมือง แต่ไม่ค่อยได้ยินคำนี้ ส่วนมากจะได้ยินคำว่า “แอ็บ” เช่น “แอ็บข้าว” “แอ็บอ่องออ” แปลว่ากล่องข้าวน้อยๆ หรือห่อหมกสมองหมู ซึ่งก็เป็นอันน้อยๆ เล็กๆ แบนๆ โดยรากสำเนียงการออกเสียง แล้วพอจะเดาๆ ได้ว่าน่าจะเป็นอะไรที่เล็กๆ แคบๆ ส่วนคำว่า "ขาน" มาจากคำว่า ธารแม่ขาน ซึ่งมีต้นน้ำจากเหนืออำเภอสะเมิงไหลเลาะอ้อมหลังดอยสุเทพ-ดอยปุย ก่อนที่จะไหลลงสู่แม่น้ำปิงนั่นเอง

เมื่อปั่นขึ้นไปจนถึงศูนย์บริการนักท่องเที่ยว เลยไปด้านหลังจะเป็นเส้นทางเดินศึกษาธรรมชาติ ระยะทางประมาณ 800 เมตร เท่าที่ดูตามแผนที่จะเป็นเส้นทางเดินเลียบออบไปรอบๆ เป็นทางเดินธรรมชาติที่ค่อนข้างจะต้องใช้ความสามารถพิเศษในการเดินพอสมควร เพราะหน้าผาด้านข้างสูงชัน เฉพาะด่านแรกก็มีป้ายขู่ “ห้ามกระโดดหน้าผา” หรือ “บริเวณน้ำลึก” ซึ่งเท่าที่ดูแล้ว การกระโดดจากหน้าผาลงไปเล่นน้ำเบื้องล่าง ไม่ต่างอะไรกับการฆ่าตัวตายดีๆ นี่เอง แค่ยืนชะโงกไปจะถ่ายรูปยังหวิวๆ หวาดๆ

เส้นทางเดินชันๆ บ้างก็เป็นขั้นบันได บ้างก็เป็นลานหินขรุขระ เส้นทางที่ว่าต้องเลียบหน้าผาสูง เบื้องซ้ายมองลงไปเห็นลำน้ำขานอยู่ลิบๆ คงไม่เหมาะสำหรับเด็กเล็กและผู้ที่ไม่สะดวกในการปีนป่าย หรือมีปัญหาด้านสุขภาพ ทั้งนี้ขอเพิ่มเติมนิดนึงว่า ไม่เหมาะสำหรับนักปั่นจักรยานมือสมัครเล่นเช่นผมเป็นต้น เพราะเส้นทางเลียบหน้าผา สูงชัน เป็นขั้นบันได ถ้าเดินไปคงตัวเปล่าคงพอไหว แต่ต้องแบกจักรยานไปด้วย ขาขึ้นบันไดยังพอไหว แต่ลงบันไดนี่ กระเด็นกระดอนตกหน้าผา มีอันเป็นข่าวลงหน้าหนึ่งหนังสือพิมพ์แน่

ว่าแล้วก็ลงไปหาเรื่องเล่นน้ำเย็นๆ เอารถไปล้างโคลนข้างล่าง ที่น้ำมันนิ่งๆ หน่อย เพราะยังเกรงๆ มันอยู่ เห็นน้ำมันสีขุ่นๆ เห็นมีนักท่องเที่ยวพาลูกหลานมาปิกนิกนอกสถานที่เล่นน้ำบริเวณหาดทรายอยู่ประปราย เสียดายที่มาคันเดียว ยังไม่กล้าพอ ทั้งที่พื้นที่บริเวณอุทยานแห่งชาติออบขาน ยังมีสถานที่ท่องเที่ยวใกล้ๆ ที่สวยงามน่าสนใจอีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็น ผาอกม้า ช่องเหวออบไฮ เห็นคนที่ไปมาเค้าว่าเป็นแคนยอนน้อยๆ เลยนะ เอาไว้โอกาสหน้าคงมีโอกาสได้ไปสัมผัส แต่วันนี้รีบกลับบ้านก่อน ฟ้าฝนเริ่มไม่เป็นใจ หากฝนตกบนดอยจะกลับลำบาก แถวนี้ยิ่งนึกจะตกก็ตก ตกไม่กลัว กลัวจะน้ำป่าไหลหลากมากกว่า เอาไว้คราวหน้าค่อยว่ากันอีกที

ไม่มีความคิดเห็น: