หลังจากรถเมล์จอดป้ายตรงหน้าตึกมีรู ผู้คนก็กรูกันลง ตึกมีรูนี้จริงๆ แล้ว เจ้าของตึกไม่ได้ลงทุนเจาะรูเพื่อให้ผู้โดยสารรู้ว่าเดินทางมาถึง Repulse bay แต่เนื่องจากสร้างขึ้นมาแบบทึบๆ แล้วขายไม่ออก ซินแสมาดูฮวงจุ้ย แนะนำให้เจาะรูตึกไว้ เพื่อให้มังกรได้เหาะเหินลงมาจากเนินเขา ลอดรูไปเล่นน้ำในทะเลยังหาดทรายขาวสวย Repulse bay เบื้องล่าง ซึ่งชายหาดนี้ เป็นหาดทรายที่สร้างขึ้นโดยฝีมือมนุษย์ หาดขาวยาวเหยียดเห็นมาแต่ไกล แต่เราก็ตัดสินใจยังไม่ลงป้ายนี้ ด้วยคิดว่า ยังมองไม่เห็นวัดอันประดิษฐานองค์เจ้าแม่กวนอิม จึงคิดว่าจุดนี้น่าจะเป็นป้ายแรกในตำนาน
ทว่าหลังจากรถเมล์เคลื่อนตัวออกมาจากป้ายได้สักพัก เราก็มั่นใจว่าเรานั่งเลยป้ายอย่างแน่นอน เพราะรถเมล์พุ่งทะยานขึ้นภูเขาสูง ซ้ายขวาเป็นป่าเขาลำเนาไพร การรีบลงป้ายกลางป่า แล้วเดินกลับมา ไม่น่าใช่คำตอบที่ถูกต้องในขณะที่สายฝนหล่นพรำเยี่ยงนี้ เราตัดสินใจนั่งชมวิวไปเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น เสียฟอร์มนิดหน่อย แต่ยังเฝ้าปลอบใจกันว่ารถเมล์มีเที่ยวไปก็ต้องมีเที่ยวกลับ อย่างมากก็นั่งชมวิวให้มันสุดสายแล้วนั่งกลับ แต่ยังไม่ทันไรรถเมล์ก็ข้ามดอยเข้ามาสู่เขตเมือง เริ่มเห็นบ้านหรูปลูกสร้างอยู่ตามแนวไหล่เขา คอนโดรูปร่างสวยแปลกตั้งประจันหน้ากับวิวทะเล แน่นอนว่าย่านนี้ค่อนข้างจะเป็นบ้านผู้รากมากดีมีอันจะกิน หรือจะเรียกว่าย่านเศรษฐีก็ไม่น่าจะผิด
อย่างที่เค้าว่าในประเทศที่ที่ดินราคาแพงระยับอย่างฮ่องกง คนมีเงินมีทอง ร่ำรวยล้นฟ้าจริงๆ ถึงจะได้อยู่ติดกับผืนดิน ติดกับธรรมชาติ ถ้าไฮโซลดลงมาสักหน่อย ซื้อคอนโดหรูอยู่ฝั่งฮ่องกงนี้ก็ไม่ธรรมดา เรียกได้ว่าเศรษฐีติดระดับโลกเลยทีเดียว แค่รถส่วนตัวที่จอดอยู่ในบ้าน หรือขับวิ่งไปมาย่านนี้ ราคาขายบ้านเราไม่น่าต่ำกว่า 7-8 หลักขึ้นไป นั่งรถเมล์หลงระเริงชมหมู่บ้านไฮโซได้เพียงไม่นาน รถก็มาถึงหน้าตลาดแห่งหนึ่ง คลาคล่ำไปด้วยร้านค้าผู้คนอันพลุกพล่าน ดูแล้วตรงนี้คือสถานที่ท่องเที่ยวที่ใหญ่ไม่แพ้ Repulse bay ทีเดียว เรารีบลงป้ายรถเมล์ทันทีที่รถหยุด แล้วเราก็พบว่าจุดนี้คือป้ายสุดท้ายของรถเมล์สายนี้ ซึ่งทำให้เรามั่นใจว่า เราสามารถนั่งกลับไปได้โดยไม่หลงทางอย่างแน่นอน
และแล้วเราก็ได้มาเยือนสถานที่ท่องเที่ยวที่ขึ้นชื่ออีกแห่งหนึ่งของฮ่องกง Stanley Bay อันประกอบด้วย Stanley Market ตลาดร้านรวง ของกิน ของใช้ ของฝาก เหมือนตลาดนัดบ้านเรา แต่สินค้าแบรนด์เนมเพิ่มมา ไม่มั่นใจว่าแบรนด์ฮ่องกงเทียมๆ หรือเซินเจิ้นแท้ๆ เพราะเราเองก็ไม่ใช่มือโปรของแบรนด์เนม ส่วนของตลาดเราเลยเดินชมผ่านๆ แอบแวะซื้อวอฟเฟิลในตำนานให้เด็กน้อยได้ชิม ก็อร่อยใช้ได้ อันละ 30 กว่า HKD ก็ตกร้อยกว่าบาท เอาน่ะ นานๆ เที่ยวทีกินที เดินทะลุตลาดเข้าไปด้านหลัง ก็เริ่มเห็นอ่าว Stanley Bay ตึกแถวนี้ชั้นบนเป็นโรงแรมที่พัก ชั้นล่างเป็นร้านกาแฟ ร้านอาหารน่ารักๆ สีสันรูปทรงสวยๆ แปลกตา ทำให้มีคู่รักมาถ่าย Pre-Wedding กันหลายคู่ทีเดียว
ถัดจาก Stanley Plaza ไปก็จะเป็นส่วนติดทะเล Stanley Waterfront Mart เดินชมวิวสวยๆ บนลานทางเดินรอบอ่าว มีร้านอาหารแบบเก้าอี้สนาม ร่มปิกนิก เป็นที่นิยมของฝรั่งนักเที่ยว นั่งทานกันเยอะ เดินดูเมนูส่วนมากเป็นอาหารทะเล ราคาเริ่มต้นประมาณ 1 – 200 HKD ต่อจาน เดินไปสุดทางก็จะ มีโขดหินน้อยๆ พอให้เด็กดอยซนๆ ปีนไปเซลฟี่เอาวิวทะเลพอสำราญใจ ส่วนอีกมุมหนึ่งที่เห็นเป็นศาลาทรงจีนสีดำๆ ยื่นไปในทะเลอีกฟากคือ Blake Pier at Stanley ก็ประมาณท่าเทียบเรือสำหรับนักท่องเที่ยวไฮโซที่อยากสัมผัสกิจกรรมทางทะเล แต่เท่าที่เห็นส่วนมากจะเป็นนักเที่ยวเดินไปถ่ายเซลฟี่กันกลางทะเลมากกว่า
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น