2554-11-22

ผาเงิบ – วังบัวบาน ปั่นเลียบป่าในตำนาน ชมธารน้ำใส

ธารใสไหลเย็น ไหลเอื่อยเรื่อยระรินจากยอดดอย กัดแก่งแกรนิตแข็งเว้าแหว่งไปตามแรงเลียบเลาะ เหมาะแก่โอกาสก็เกรี้ยวกราดฟาดฝั่งซัดด้วยพลังมหาศาล แม้หน้าผาหินสูงตระหง่านก็มิอาจทัดทานธรรมชาติของลำน้ำสายน้อยแห่งนี้ได้ ด้วยเรี่ยวแรงอันไร้ขีดจำกัด สะเพสะพัดลัดเซาะก่อกำเนิดเกิดเป็นโตรกธาร วิจิตรตระการปานวิมาน เนรมิตให้ป่าแห่งนี้ สวยงามและสมบูรณ์พร้อม ทั้งภูเขา พืชพรรณไม้ สายน้ำ สิ่งมีชีวิต ตลอดจนการใช้ชีวิต และความรัก ไหลเรื่อยมายาวนานชั่วนาตาปี สร้างเรื่องราวเล่าขานจากบุพกาล ตำนานที่สร้างขึ้นจากชีวิตจริงของผู้คน



สายน้ำลำน้อยชื่อห้วยแก้วแห่งนี้ หล่อเลี้ยงผู้คนชาวเชียงใหม่มาหลายต่อหลายชั่วอายุคน มีต้นกำเนิดอยู่บนยอดเขาสูงสุด แห่งอุทยานแห่งชาติดอยสุเทพ – ปุย มีระดับความสูง 1,685 เมตรจากระดับน้ำทะเล ด้วยความลาดชันค่อนข้างสูง ท้องน้ำมีสภาพเป็นหินแกรนิตเป็นส่วนใหญ่ น้ำใสที่ไหลเย็นตลอดทั้งปี สร้างธารน้ำตกอันงดงาม มากมายตลอดระยะทางของลำน้ำ ตลอดระยะทาง 13 กิโลเมตร จากยอดดอยปุยถึงน้ำตกห้วยแก้ว ระยะทางของสายน้ำอันคดเคี้ยว มีนิยายชีวิตที่ประพันธ์จากเรื่องจริง มากมายหลายเรื่อง สะท้อนให้คนรุ่นหลังได้ตระหนักฟังไว้เป็นบทเรียนอันทรงคุณค่า

ละจากผู้คนและรถราอันพลุกพล่าน เพียง 7 กิโลเมตร จากบริเวณตลาดต้นพะยอม หลังมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ มุ่งตรงขึ้นสู่อุทยานแห่งชาติดอยสุเทพ – ปุย ปั่นยังไม่ทันเหนื่อย ก็จะพบกับสายน้ำไหลเรื่อยไหลเลาะหน้าผาสูงชันตะกายลงสู่วังน้ำเบื้องล่าง รู้จักกันในนามของ “วังบัวบาน” ตำนานรักสุดรันทดของครูบัวบาน ผู้กระทำอัตวินิบาทกรรม สังเวยความรักพร้อมกับทารกในครรภ์ จนเป็นตำนานรักเศร้าสะเทือนใจ นำไปสร้างเป็นบทละครหลายยุคหลายสมัย สายน้ำไหลบ่าจากหน้าผาสู่ป่าเขียวขจีเบื้องล่าง จะไม่ไม่มีวันแห้งเหือดไป ดังตำนานสะเทือนใจนี้ จะยังคงเล่าขานสืบต่อกันตลอดกาล

ปั่นเลียบริมน้ำริมป่า ทว่า แสงตะวันยามบ่ายแทบไม่ระคายผิว ด้วยทิศทางของดอยสุเทพที่หันหลังให้ทิศตะวันตก กอปรกับพืชพรรณไม้ใหญ่ใบหนาและเหลี่ยมเขา กลายเป็นเงาผาที่สงบร่มเย็น เป็นปกติธรรมชาติของสังคมป่าลุ่มน้ำห้วยแก้ว ซึ่งอาณาบริเวณตั้งแต่น้ำตกห้วยแก้ว ไปถึงบริเวณน้ำตกมณฑาธาร จัดเป็นลุ่มน้ำตอนล่าง มีสภาพป่าเป็นป่าโปร่ง ประเภทป่าเต็งรัง มีพันธุ์ไม้เด่น คือ เต็ง รัง เหียง พลวง พะยอม กราด ส่วนพื้นที่ลุ่มน้ำตอนบน ตั้งแต่น้ำตกมณฑาธารขึ้นผ่านน้ำตกรากไทร ไปจนถึงยอดดอยจะปกคลุมด้วยป่าดิบแล้ง ป่าดงดิบและป่าดิบเขา ต้นไม้ขึ้นหนาแน่น เป็นไม้ขนาดใหญ่เป็นส่วนใหญ่ เช่น ไม้ตระกูลก่อ ยาง ไม้ทะโล้

จากวังบัวบานข้ามลำน้ำเลียบเลาะสู่ป่าเบื้องหน้า จำได้ว่าเมื่อ 20 ปีก่อน ยังเป็นทางเดินดินเลียบริมน้ำ แต่วันนี้ถนนหนทางเดินจัดทำเป็นเส้นทางเดิน ปูด้วยหินกรวดและซีเมนต์ มีป้ายบอกทางอำนวยความสะดวกให้นักสัญจร เดินป่าสำรวจศึกษาธรรมชาติได้อย่างสะดวกโยธิน ชมพรรณไม้ พร้อมป้ายคำอธิบายเป็นระยะ เสียงสายน้ำที่หยอกล้อกับหินผา ประสานกับเสียงนกกาให้ได้ยินไพเราะจับใจ เพียง 50 เมตรจากวังบัวบาน ก็ถึงผาเงิบ หน้าผาใหญ่ที่ยื่นล้ำ ค้ำลำน้ำห้วยแก้ว ริ้วรอยหินผา ท่อนไม้มหึมา พืชพรรณนานา ยังจารึกความทรงจำ แม้จะผ่านไปกว่า 20 ปี ก็มีภาพรอยยิ้ม ประทับประดับไว้เป็นตำนานส่วนตัวที่ยากจะลืมเลือน

โขดหิน สายน้ำ ตะใคร่ ใบเฟิร์น เมื่อวันวาน แม้จะผ่านไปเพียงไม่กี่สิบปี แต่ทุกอนูแห่ง ผาเงิบ วังบัวบาน ในวันนี้ ยังคงมนต์เสน่ห์เย้ายวน เฉกเช่นวันวาน คล้ายกับก้อนหินและสายน้ำ พร้อมเล่าเรื่องราวที่ได้พบประสบมา ดังหลากหลายตำนาน เพียงเพิ่งผ่านไปเมื่อวานนี้ แม้ภาพที่เห็นวันนี้จะไม่เหมือนแม่ครูบัวบาน หรือแม้แต่สาวเครือฟ้า ที่นัดพบกับร้อยตรีพร้อมที่น้ำตกห้วยแก้ว แต่พอจะเรียงร้อยได้ว่า เม็ดกรวดเม็ดทราย ภูผาและธารา ยังคงทำหน้าที่ไหลเรื่อยเอื่อย สร้างสุนทรีย์แก่ผู้มาเยือน หากแต่ ชีวิต ความคิด ของผู้คนที่ผ่านมา ได้ผ่านไป ไร้ทางจะหวนกลับ ดังสายน้ำที่ไหลไป ไม่มีวันไหลกลับมาได้อีก เฉกเช่นนั้นเอง

ไม่มีความคิดเห็น: