2563-01-16

มุมที่ต้องมีเรา ถ่ายรูปกับท่านประทานเหมาฯ หน้าวังต้องห้าม (ปักกิ่ง 12)

(ปักกิ่ง 9) (ปักกิ่ง 10) (ปักกิ่ง 11) (ปักกิ่ง 13) (ปักกิ่ง 14) (ปักกิ่ง 15)

นั่งรถเมล์สาย 877 กลับมาจากกำแพงเมืองจีน ต่อรถไฟฟ้าจากสถานี Jushuitan ถึงสถานีหวังฟู่จิงราวสองทุ่ม เด็กๆ ดูเหนื่อยอ่อน และปฏิเสธที่จะไปเดินหาอะไรทานที่สตรีทฟู๊ดหวังฟู่จิง ยิ่งเป็นเย็นวันส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่เช่นนี้ ผู้คนน่าจะเยอะแยะมากมาย แวะหาอาหารเย็นจากแฟมิลิมาร์ท หาเมนูแปลกลิ้นแปลกตามาลิ้มชิมรส หมดไป 52 หยวนแบบอิ่มๆ ใช้ได้ กลับไปพักผ่อนยังโรงแรมเทียนอันเรกาบ้านของเรา อาบน้ำอุ่น นอนห่มผ้าดูโทรทัศน์จีนถ่ายทอดสดคอนเสิร์ตส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ นอนออมแรงข้ามปี พรุ่งนี้มีนัดไปถ่ายรูปกับท่านประทานเหมาฯ ที่จัตุรัสเทียนอันเหมิน

ประเทศจีนคือสาธารณรัฐที่มีชีวิต ปักกิ่งคือเมืองหลวงที่ชีพจรกำลังเต้นแรง บ้านเมืองเต็มไปด้วยตึกระฟ้า ห้างสรรพสินค้าตระการตา สถานที่ราชการ ธรรมชาติงดงาม โบราณสถานยิ่งใหญ่ ถนนหนทางคลาคล่ำไปด้วยนักท่องเที่ยวต่างถิ่น ทั้งฝรั่ง แขก นิโกร ไทย ไม่เว้นแม้แต่ชาวจีน ที่เดินทางมาจากทั่วสารทิศ ก็อยากมาสัมผัสมนต์เสน่ห์แห่งเมืองหลวงของตนไม่ต่างกับเรา เพราะคำว่าชาวจีนมิใช่เพียงแค่กลุ่มชาติพันธุ์กลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง หากแต่เป็นกลุ่มคนจากหลากภาษา หลายเผ่าพันธุ์ ที่มีวัฒนธรรมร่วมกัน มีขนบธรรมเนียมประเพณีใกล้เคียงกัน มารวมกันเป็นชนชาติจีน

จัตุรัสเทียนอันเหมิน และบริเวณด้านหน้าพระราชวังต้องห้าม เป็นจุดหมายเชิงสัญลักษณ์ที่สำคัญของจีน และในยุคโซเชียลนี้ ก็เป็นจุดเช็คอินห้ามพลาดของชาวจีนเช่นกัน เช้าตรู่วันขึ้นปีใหม่ ผู้คนจากทั่วสารทิศ ต่างมุ่งหน้าไปยังบริเวณจัตุรัสเทียนอันเหมิน เรียกได้ว่าตั้งแต่ทางเข้าสถานีรถไฟฟ้าใต้ดิน ทุกคนบนฟุตบาททางเดินริมถนน Chang'an Ave ต่างมุ่งเดินไปในทางเดียวกันหมด ยิ่งใกล้ยิ่งสังเกตได้ว่าแทบจะไม่มีใครเดินสวนกลับมาเลย ตราบจนฟุตบาทกว้างๆ แน่นจนเดินไปต่อไม่ได้ แสดงว่าถึงปลายแถวแล้ว ให้รีบหาหางแถว เพื่อเข้าคิวให้เจ้าหน้าที่ตรวจอาวุธ บัตรประชาชน พาสปอร์ต ก่อนจะเข้าไปบริเวณด้านหน้าพระราชวังต้องห้าม

หลังการปฏิวัติล้มล้างการปกครองระบอบกษัตริย์ พรรคคอมมิวนิสต์จีนได้รับชัยชนะในปี 2492 รูปภาพประธานเหมา เจ๋อตุง ได้ถูกเอาไปแขวนไว้หน้าซุ้มประตูเทียนอันเหมิน แทนที่รูปผู้นำจีนในอดีตที่เคยแขวนไว้ที่นี่ ทั้ง ซุนยัตเซน และเจียงไคเช็ค ประธานเหมา ได้ประกาศให้ปักกิ่งเป็นเมืองหลวงของประเทศจีน เมืองหลวงใหม่ได้ถูกสร้างขึ้นมาตามความเชื่อที่ว่าโลกมีลักษณะเป็นทรงจัตุรัส ปักกิ่งจึงต้องมีผังเมืองเป็นทรงจัตุรัสเพื่อให้สอดคล้องกับระเบียบจักรวาล มีการเวนคืนบ้านเรือนทุบกำแพงเมืองเก่า เพื่อขยายเทียนอันเหมินให้กว้างใหญ่มุ่งหวังให้เทียมเท่าจัตุรัสแดงที่มอสโคว์

สถาปัตยกรรมขนาดใหญ่สไตล์โซเวียตผุดขึ้น โดยได้รับความช่วยเหลือบางส่วนจากพี่ใหญ่รัสเซีย อนุสรณ์สถานและอาคารต่างๆ ถูกสร้างขึ้น กำแพงเมือง ประตูเมืองชั้นใน ซุ้มประตูโบราณ ถูกรื้อถอนเพื่อสร้างเมืองใหม่ พระราชวังต้องห้าม สัญลักษณ์แห่งการปกครองระบอบกษัตริย์ แม้จะร้างเจ้าของ ไร้ฮ่องเต้มานาน แต่ก็ยังหวุดหวิดจะล่มสลายไปหลายต่อหลายครั้ง จัดเป็นพระราชวังแห่งเลือดและน้ำตา โดยเฉพาะในยุคปฏิวัติวัฒนธรรม เมื่อปี 2509 เกือบพังทลายไปกับน้ำมือยุวชนเรดการ์ด ที่มุ่งทำลายโลกเก่าของเจ้าศักดินา สร้างโลกใหม่ปวงประชาเท่าเทียม ตามเป้าหมายพิฆาตสี่เก่า ความคิดเก่า วัฒนธรรมเก่า ประเพณีเก่า และนิสัยเก่า

รูปภาพของเหมา เจ๋อตุง แขวนอยู่บนซุ้มประตูเทียนอันเหมิน ผนังสองข้างซุ้มประตูจารึกข้อความว่า “ประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีนจงเจริญ” และ “ความสามัคคีประชาชนทั่วโลกจงเจริญ” ถ่ายภาพกับท่านประธานเหมากันแล้ว ไม่ควรกระทำการใดๆ อันจะเป็นการไม่เหมาะสมต่อสถานที่ ทหาร ตำรวจ กล้องวงจรปิดมากมายจับตาดูอยู่ เมื่อครั้งชุมนุมเรียกร้องประชาธิปไตยในปี 2532 มีคนปาไข่ใส่รูปประธานเหมา พวกเขาติดคุกอยู่นานถึง 17 ปี แต่ก็ยังโชคดีกว่าผู้ชุมนุมส่วนมาก ที่สูญหายไปอย่างไร้ร่องรอยในค่ำคืนสลายการชุมนุมที่นองชุ่มไปด้วยเลือด ช่างย้อนแย้งกับชื่อประตูสันติสวรรค์ “เทียนอันเหมิน” เป็นยิ่งนัก

ไม่มีความคิดเห็น: