2562-06-25

เช้านี้ที่หวังฟู่จิง ปาท่องโก๋ร้อนๆ อิ่มแล้วกลับไปนอนเล่น โรงแรมเทียนอันเรกา (ปักกิ่ง 3)

(ปักกิ่ง 1) (ปักกิ่ง 2) (ปักกิ่ง 4) (ปักกิ่ง 5) (ปักกิ่ง 6)

แท็กซี่สนามบินพามาถึงกลางกรุงปักกิ่ง ราวตี 5 กว่าๆ บ้านเมืองก็ยังคงมืดๆ เงียบๆ ขณะติดไฟแดงสี่แยกใหญ่ โชเฟอร์แท็กซี่ ชี้ให้ดู ย่าน Shopping Street หวังฟู่จิง อยู่ทางด้านขวามือ พร้อมชี้ไปข้างหน้าว่าคือทางไป จัตุรัสเทียนอันเหมิน อยู่ใกล้ๆ กับพระราชวังต้องห้าม ทั้งหมดนี้ สามารถเดินไปเที่ยวเองได้ แต่ถ้าอยากไปไกลๆ จำพวกกำแพงเมืองจีน หรือพระราชวังฤดูร้อน ก็โทรมาตามนามบัตรที่ให้ไว้ อธิบายยังไม่ทันเสร็จรถก็เลี้ยวขวาเข้าซอยมาถึงหน้าโรงแรมเทียนอันเรกา จ่ายตังค์กันเสร็จ ลงจากแท็กซี่มาหนาวเหน็บเกินจะเอ่ย ลมก็พัดแรงเย็นสะท้านถึงขั้วหัวใจ รีบหอบกระเป๋าเข้าไปพักอุ่นๆ ในโรงแรมกันดีกว่า

เจ้าหน้าที่โรงแรมเทียนอันเรกา รับรายละเอียดการจองห้องผ่าน agoda เป็นที่เรียบร้อย แต่ต้องคอยห้องอื่นเช็คเอาท์ ราว 10 โมงน่าจะมีห้องว่าง สิ่งที่ทำได้ตอนนี้คือฝากกระเป๋าไว้ที่เคาท์เตอร์ แล้วไปงีบหลับรอที่ล็อบบี้โรงแรม สะดุ้งตื่นมาอีกที ด้วยเสียงล้งเล้งพนักงานมาเตรียมอาหารเช้าบนห้องอาหารชั้น 2 ภายนอกท้องฟ้าเริ่มสว่าง ดูนาฬิกา 7 โมงกว่าๆ ผู้คนเดินผ่านหน้าโรงแรมไปมา เลยชวนกันออกไปหาอะไรกิน โดยเดินย้อนไปทางย่านหวังฟู่จิง อุณหภูมิข้างนอก ติดลบ 4 องศา ร้านรวงยังเปิดไม่หมด พนักงานบริษัทรีบเดินจ้ำอ้าวไปเข้างานให้ทัน 8 โมงเช้า ลมหนาวพัดมา จนต้องมองหาอาคารอุ่นๆ แอบเข้าไปหลบหนาวเป็นระยะ


เช้าๆ เช่นนี้ เครื่องกันหนาวที่จัดเพิ่มจากสนามบินแทบเอาไม่อยู่ แอบเนียนเข้าไปหลบลมหนาวในร้านขายของเป็นระยะ ไหนๆ ก็เข้ามาพนักงานขายมองหน้า เลยลองใช้แอพมือถือแปลภาษาถามหาว่าแถวนี้มีร้านอาหารบ้างไหม พนักงานตอบกลับผ่านแอพว่าร้านยังไม่เปิด ทำทีเดินดูของพออุ่น ก็ออกมาเดินหากันต่อไป จนในที่สุดก็พบร้านขายอาหารเช้า อยู่ซอยแรกๆ หัวถนนหวังฟู่จิง เป็นร้านห้องแถว แขวนโคมแดงหน้าร้าน ถัดไปอีกนิดก็มีให้เลือกอีกร้าน อาเฮียทอดปาท่องโก๋ นึ่งดิ่มซำโชว์หน้าร้านควันโขมงเลย ตัดสินใจเข้าร้านที่สอง เพราะมีอาหารมาให้ชี้สั่งถึงหน้าร้าน น่าจะตรงตามความต้องการกว่าสั่งผ่านเมนู

เดินเข้าไปดูโต๊ะก่อนหน้าว่าเค้ากินอะไรกัน เสร็จแล้วก็ลอกการบ้านเลย ชี้เอาเหมือนโต๊ะข้างๆ ปาท่องโก๋ยักษ์ 1 เข่ง กับเกี๊ยวน้ำใส่สาหร่ายร้อนๆ อีกชาม รสชาติอร่อยถูกใจเด็กๆ แต่สาหร่ายจะเยอะกว่าเกี๊ยวหน่อย ควรจะเรียกต้มจืดสาหร่ายใส่เกี๋ยวก็คงได้ มีเครื่องปรุง เครื่องเคียงพวกผักดองให้ตักเองได้ คนจีนกินเก่ง โต๊ะข้างสั่งกันคนละชุด แถมทำทีจะสั่งต่อ แต่เรา 4 คน 1 ชุด กินเกือบไม่หมด คิดเงินมา 20 หยวน กินง่ายจ่ายสบายกว่าที่คิด กินอิ่มๆ นั่งพักอุ่นๆ ได้ที่ก็พากันเดินกลับโรงแรม เห็นนักท่องเที่ยวเริ่มรอเช็คเอาท์กัน เลยลองถามหาห้องพักดู โชคดีมีห้องสำหรับเราแล้ว จ่ายค่ามัดจำกุญแจห้องไว้ 300 หยวน แล้วก็ชวนกันไปนอนแผ่บนห้อง

ทานมื้อเช้ามาอิ่มๆ พอได้ห้องพักอุ่นๆ แล้ว แทนที่จะนอนเอาแรงสักงีบ กลับตื่นเต้นตาสว่าง พากันเปิดม่าน ชงกาแฟ โอวัลติน มานั่งจิบชมวิวนอกหน้าต่างห้องพัก มองข้ามถนนหน้าโรงแรมไปยังฝั่งตรงข้าม เป็นร้านค้า ร้านกาแฟ ปลูกสร้างทรงจีนโบราณคล้ายๆ กัน เป็นความหมายเชิงสัญลักษณ์ แสดงออกถึงอาณาเขตกำแพงชั้นนอกของพระราชวังต้องห้าม เช็คแผนที่ GPS แล้ว องศาที่มองเห็นจากหน้าต่างห้องพักของเรา คือบริเวณด้านข้างของพระราชวัง หลังพักผ่อนเติมพลังพอได้ที่แล้ว ก็จัดแจงแต่งตัวจัดเต็ม เน้นสู้ลมหนาว แล้วก็ออกเดินทางเข้าวังกัน แม้ใครจะล่ำลือกัน ว่าเป็นวังต้องห้าม ก็ตามที

ไม่มีความคิดเห็น: